วิธีเลือกแอร์ให้คุ้มค่า เหมาะสมกับการใช้งานจริง

Table of Contents

เมื่อสภาพอากาศบ้านเราร้อนขึ้นทุกปี ๆ แน่นอนว่าการแก้ปัญหาของหลายบ้านคือการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ ซึ่งเครื่องปรับอากาศในยุคปัจจุบันมีให้เห็นหลากหลายแบรนด์ หลากหลายฟังก์ชัน แต่การเลือกซื้อแอร์นั้นมีสิ่งที่ควรคำนึงถึงหลายปัจจัย เพราะถ้าหากเลือกใช้งานไม่ตรงกับความต้องการจริง อาจส่งผลให้เกิดข้อเสียตามมามากกว่าที่จะเป็นผลดี THAIAIRCOOL มีวิธีเลือกแอร์ให้คุ้มค่า ตรงกับการใช้งานจริงมาฝาก ทำตามนี้เป็นผลดีแน่นอน!

เทคนิคการเลือกแอร์บ้านให้ตรงกับการใช้งาน

การเลือกซื้อแอร์กลายเป็นปัญหาใหญ่ของใครหลายคน เพราะแอร์ในยุคนี้มีหลายประเภทให้เลือกสรร และวิธีเลือกแอร์ของแต่ละคนก็มีความแตกต่างกันออกไป ซึ่งการเลือกแอร์ให้ตรงกับการใช้งานจริง มีขั้นตอนและวิธีการ ดังนี้

1. เลือกจากประเภทของแอร์

ขั้นตอนแรกวิธีเลือกแอร์จากประเภทการใช้งานของแอร์ ตามปกติแล้วสามารถแยกพื้นที่ออกเป็น 2 แบบใหญ่ ๆ เพื่อให้การเลือกขนาดแอร์ตรงกับขนาดพื้นที่ ได้แก่ 

  • การนำไปใช้งานกับอาคารบ้านเรือน ร้านอาหาร ห้องขนาดเล็ก ๆ จะใช้เป็นแอร์ขนาดปกติทั่ว ๆ ไป เช่น แอร์ติดผนัง แอร์แขวนใต้ฝ้า แอร์ฝังฝ้าเพดาน และแอร์ 4 ทิศทาง
  • การนำไปใช้งานในพื้นที่เชิงพาณิชย์ ร้านอาหารขนาดใหญ่ สำนักงาน ห้องประชุม จะใช้เป็นเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ เช่น แอร์แบบท่อลม 

2. เลือกแอร์ตามขนาดห้อง

ขั้นตอนที่สองเลือกแอร์ให้เหมาะกับห้อง ห้องที่มีขนาดพื้นที่ต่างกันแน่นอนว่าขนาดแอร์ที่ใช้งานก็ต้องแตกต่างออกไปเช่นเดียวกัน เพื่อเป็นการช่วยให้แอร์ได้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ สิ่งหลักที่ต้องคำนึงถึงคือการเลือก btu แอร์ให้เหมาะสม สามารถคิดคำนวณด้วยตัวเองง่าย ๆ คือขนาดความกว้าง x ความยาว x ตัวแปรอื่น ๆ 

3. การเลือกซื้อแอร์จากฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5

ขั้นตอนที่สามการเลือกซื้อแอร์แบบไหนประหยัดไฟเป็นคำถามที่หลาย ๆ คนสงสัย สิ่งที่อยากแนะนำคือเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 (ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 คือ เครื่องหมายรับรองจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กฟผ. ที่เป็นตัวแสดงว่าแอร์เครื่องนั้น ๆ ใช้พลังงานเต็มประสิทธิภาพแบบประหยัดไฟ) จะช่วยให้ทุกการใช้งานแอร์เต็มไปด้วยประสิทธิภาพและความคุ้มค่า

 

ไขข้อสงสัย ขนาด BTU แอร์คืออะไร? คำนวณยังไงให้เหมาะกับขนาดห้อง

BTU คืออะไร ? BTU ย่อมาจาก British Thermal Unit คือ หน่วยวัดพลังงานความร้อนที่ใช้กับกำลังความเย็นเครื่องปรับอากาศ ในความหมายของระบบแอร์ยิ่งค่า BTU สูง = สามารถทำความเย็นได้มากยิ่งขึ้น แต่ถ้าเลือกใช้งานแอร์ที่มี BTU ต่ำกว่าขนาดที่เหมาะสม แอร์จะทำงานหนัก เย็นช้า และเสียเร็ว หากเลือกใช้แอร์ที่มี BTU สูงกว่าขนาดที่เหมาะสม แอร์เย็นเร็วเกินไป ค่าความชื้นภายในห้องไม่ลด เปลืองไฟ  การคำนวณหาค่า BTU ของห้องทำได้ ดังนี้

สูตรหาขนาด BTU

  • ความกว้าง (เมตร) x ความยาว (เมตร) x ตัวแปรอื่น

ตัวแปรในการคำนวณ

  • 700 – 800 : สำหรับห้องที่สัมผัสแดดบ้างเล็กน้อย มีระดับฝ้าอยู่ต่ำ รวมถึงห้องที่ใช้แอร์เฉพาะเวลากลางคืน (ห้องนอน)
  • 800 – 900 : สำหรับห้องที่สัมผัสแดดปานกลาง – มาก ห้องหันไปทางทิศตะวันตก รวมถึงห้องที่ใช้แอร์ในเวลากลางวัน (ห้องรับแขก)
  • 900 – 1000 : สำหรับห้องที่สัมผัสแดดมาก อยู่ชั้นบนสุด มีฝ้าสูง เปิดแอร์ช่วงกลางวัน ห้องหันทางทิศตะวันตก (ห้องทำงาน)
  • 1000 – 1200 : สำหรับพื้นที่ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ สำนักงาน ที่เปิด-ปิดประตูตลอดทั้งวัน

ตัวอย่างการคำนวณ

ห้องนอนกว้าง 5 เมตร ยาว 4 เมตร สัมผัสแดดบ้างเล็กน้อย

  • 5 x 4 x 700-800 = 14000 – 16000 BTU

เปรียบเทียบแอร์ inverter กับแอร์ธรรมดา แบบไหนใช้งานจริงคุ้มกว่ากัน?

วิธีเลือกแอร์มาใช้งานในยุคปัจจุบันสิ่งสำคัญอาจจะต้องพิจารณาการประหยัดไฟเป็นหลัก แต่ก็ยังคงทำงานได้แบบเต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะบ้านที่ต้องการเปิดแอร์หลาย ๆ ชั่วโมง ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนมากแนะนำให้ใช้แอร์แบบ Inverter แต่ระบบการทำงานจะแตกต่างจากแอร์ธรรมดายังไง? THAIAIRCOOL มีข้อเปรียบเทียบระหว่างแอร์ Inverter กับแอร์ธรรมดา Non-Inverter มาเพื่อเป็นการพิจารณาก่อนเพื่อน ๆ ตัดสินใจซื้อ

  • แอร์ Inverter

ระบบ Inverter คือ กระบวนการควบคุมการทำงานของระบบคอมเพรสเซอร์ในเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยใช้วงจรในการเปลี่ยนแปลงกระแสไฟสลับเป็นกระแสตรง เมื่อเข้าสู่วงจร Inverter จะช่วยให้ปรับความถี่และแรงดันได้อย่างสม่ำเสมอ สำหรับเครื่องปรับอากาศระบบ Inverter จะค่อย ๆ ทำงานเพื่อลดระดับความเย็นให้ถึงที่กำหนดและปรับรอบให้ทำงานช้าลงเพื่อควบคุมอุณหภูมิภายในให้คงที่ หากอุณหภูมิภายในห้องสูงกว่าที่ตั้งไว้ 4 องศา ระบบจะทำงานเร็วขึ้นอีกครั้งช้า ๆ เพื่อลดอุณหภูมิ เหมาะกับบ้านที่ใช้งานเครื่องปรับอากาศบ่อยครั้ง

  • แอร์ธรรมดา Non-Inverter

ระบบ Non-Inverter คือ ระบบการทำงานแบบโรตารี ไม่ได้ซับซ้อนเท่ากับระบบ Inverter เมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศระบบจะทำความเย็นแบบรวดเร็วเพื่อให้ภายในห้องมีอุณหภูมิต่ำกว่าที่ตั้งไว้ประมาณ 3 องศาและอุณหภูมิจะมีความสวิงมากกว่า Inverter ส่งผลให้ความเย็นไม่คงที่ เปลืองไฟ เหมาะกับบ้านที่ไม่ได้ใช้เครื่องปรับอากาศบ่อย ห้องขนาดเล็กที่ต้องใช้แอร์ตัวเล็ก ๆ 

ใช้แอร์ยังไง? ให้ประหยัดพลังงาน ไม่เปลืองไฟ

เครื่องปรับอากาศจัดเป็นหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการกินไฟสูงเป็นอันดับต้น ๆ เพราะกระบวนการทำความเย็นต่าง ๆ จำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้าสูง หลายคนอาจสงสัยว่าแอร์แบบไหนประหยัดไฟ ก็แนะนำให้เลือกใช้แอร์ระบบ Inverter แต่นอกจากการเลือกสเปคแอร์แล้วยังมีอีก 6 วิธีที่สามารถช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ ดังนี้

1. ระบายความร้อนภายในก่อนเปิดแอร์

ก่อนการเปิดเครื่องปรับอากาศภายในห้องจะมีความร้อน ความชื้นสะสมอยู่ แนะนำให้เปิดประตู-หน้าต่างเพื่อระบายความร้อนให้ออกไปสู่ด้านนอก สามารถเปิดพัดลมร่วมได้เพื่อการระบายความร้อนที่เร็วยิ่งขึ้น 

2. ปิดช่องประตู หน้าต่างให้สนิท

การเปิดแอร์ภายในห้อง ภายในบ้าน ต้องทำการปิดช่องว่างที่แอร์สามารถออกได้ให้หมดทุกจุด เช่น บริเวณตามช่องว่างประตู ช่องว่างหน้าต่าง ปิดเพื่อป้องกันความเย็นไหลออกไปหาความร้อนและป้องกันความร้อนไหลเข้าสู่ภายในห้อง

3. เลือกเครื่องปรับอากาศให้เหมาะกับขนาดห้อง

ขนาดแอร์ ขนาด BTU ของแอร์เป็นสิ่งสำคัญในการช่วยประหยัดพลังงาน เพราะถ้าแอร์มีขนาดเล็กเกินไปจะทำให้แอร์ทำความเย็นไม่ทัน เปลืองไฟมากกว่าปกติ แต่ถ้าแอร์มีขนาดใหญ่เกินไป ทำความเย็นเร็ว กินไฟมากเกินความจำเป็น และมีราคาสูง

4. ไม่ควรใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความร้อนในห้องแอร์

เป็นอีกหนึ่งในเรื่องที่ควรปฏิบัติอย่างยิ่งก็คือ ไม่ควรใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความร้อนในห้องแอร์ เช่น เตารีด กาต้มน้ำ หม้อหุงข้าว กระทะไฟฟ้าต่าง ๆ เพราะความร้อนจะส่งผลให้อุณหภูมิภายในห้องเปลี่ยนแปลง และเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนแปลงจะส่งผลให้แอร์ทำงานหนักมากยิ่งขึ้น

5. ควรตั้งอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 25°C

ระดับอุณหภูมิที่ช่วยให้ร่างกายสบายคือช่วง 24-26 องศาเซลเซียส แต่ถ้าเมื่อใดที่ต้องการให้ประหยัดพลังงานเพิ่มมากยิ่งขึ้นแนะนำว่าควรเปิดเครื่องปรับอากาศในระดับอุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียสขึ้นไป และควรใช้โหมดที่ช่วยให้ประหยัดพลังงานมากกว่าโหมด COOL เช่นโหมด ECO หรือ Sleep Mode 

6. ควรล้างทำความสะอาดแอร์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง

การล้างทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศเป็นสิ่งจำเป็น เพราะเมื่อใช้งานแอร์นานวันจะมีเศษฝุ่นเข้าไปจับที่กรองแอร์ หรือถ้าบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง ขนสัตว์ก็สามารถเข้าไปติดตามกรองแอร์ได้เช่นเดียวกัน แนะนำให้ทำความสะอาดแอร์แบบเต็มระบบอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อยืดอายุการใช้งานและช่วยไม่ให้แอร์ทำงานหนักจนเกินพอดี

วิธีเลือกแอร์ให้คุ้มค่า คุ้มราคา เริ่มจากการเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น การเลือกแอร์ตามขนาดห้อง การเลือกขนาดแอร์ การเลือกสเปคแอร์ เพื่อให้เครื่องปรับอากาศไม่ทำงานหนักจนเกินพอดี เลือกใช้เครื่องปรับอากาศที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 จะช่วยประหยัดพลังงาน แต่ยังคงได้รับความเย็นแบบเต็มประสิทธิภาพ 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ วิธีเลือกแอร์

เลือกแอร์ผิด BTU จะเป็นอะไรไหม

การเลือกแอร์ผิด BTU ส่งผลเสียอย่างแน่นอน หากเลือก BTU ต่ำเกินไป แอร์จะทำงานอย่างหนักเพื่อให้ภายในห้องเย็นไว ส่งผลให้เปลืองไฟมากและแอร์พังเร็ว หากเลือก BTU สูงเกินไป ห้องจะเย็นเร็วมากกว่าที่ควรจะเป็น ส่งผลให้กินไฟมากเช่นเดียวกัน

แอร์แบบไหนกินไฟน้อยที่สุด

แอร์ที่กินไฟน้อยที่สุดคือแอร์ระบบ Inverter ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 รุ่นใหม่ 3 ดาว

ถ้าติดแอร์ผิดประเภทจะมีปัญหาอะไร

การเลือกใช้แอร์ผิดประเภท เช่น เลือกใช้แอร์เล็กในห้องใหญ่ จะทำให้ห้องเย็นช้าและเปลืองไฟ การใช้แอร์ใหญ่ในห้องเล็ก จะทำให้ห้องชื้นเกินเหตุและใช้พลังงานสูง การใช้แอร์บ้านในเชิงพาณิชย์ อาจทำให้ความเย็นไม่ถึง ไม่คงที่ และพังเร็ว

เลือกแอร์อย่างไรให้ประหยัดไฟในระยะยาว

– เลือกใช้งานแอร์ระบบ Inverter
– เลือกใช้แอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5
– คำนวณขนาด BTU ให้เหมาะสมกับขนาดห้อง
– ล้างแอร์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้งเพื่อประสิทธิภาพในการใช้งาน

ขนาดห้อง 4×4 เมตร ใช้แอร์กี่ BTU

ห้อง 4×4 เมตร คำนวณจากการโดนแสงแดดน้อย 4 (ความกว้าง) x 4 (ความยาว) x 800 (ตัวแปรอื่นๆ) = 12800 BTU

บทความแนะนํา