วิธีล้างแอร์ด้วยตัวเอง พร้อมเคล็ดลับง่าย ๆ ให้แอร์สะอาด ประหยัดพลังงาน

Table of Contents

วิธีล้างแอร์ด้วยตัวเองเป็นเรื่องที่หลายคนมองว่ายาก หลายขั้นตอน แต่ความจริงแล้ว การล้างแอร์ด้วยตัวเองสามารถทำได้ง่ายกว่าที่คิด เพียงแค่รู้วิธีล้างแอร์บ้านอย่างถูกต้อง และเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมก็ช่วยให้แอร์สะอาด เย็นเร็ว ประหยัดไฟได้ การล้างแอร์เองไม่เพียงแค่ลดฝุ่นและเชื้อโรคในอากาศ แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศอีกด้วย ใครที่ไม่เคยล้างแอร์เองมาก่อนก็สามารถเริ่มต้นได้ทันที ด้วยขั้นตอนง่าย ๆ ตามเนื้อหาด้านล่างนี้

วิธีล้างแอร์บ้าน ทำตามง่าย ๆ ฉบับมือใหม่

สำหรับใครที่อยากลองล้างแอร์ด้วยตัวเองที่บ้านแต่ยังไม่มีประสบการณ์ในการล้างทำความสะอาดแอร์ ก็สามารถลองล้างแอร์บ้านด้วยตัวเองได้ เพราะการล้างแอร์บ้านไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด หากมีอุปกรณ์เบื้องต้นในการล้างครบถ้วนและเข้าใจวิธีการทำความสะอาดอย่างถูกต้อง การล้างเครื่องปรับอากาศด้วยตัวเองจะช่วยให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ เย็นเร็ว ประหยัดพลังงาน และยังลดฝุ่นละอองสะสมที่เป็นสาเหตุของภูมิแพ้หรือปัญหาสุขภาพในระยะยาว

การล้างแอร์บ้านเองนอกจากจะช่วยทำความสะอาดแล้วยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเรียกช่าง และทำให้เราได้รู้จักแอร์ของตัวเองมากขึ้นด้วย เช่น การสังเกตสภาพฟิลเตอร์ ช่องระบายน้ำ หรือคอยล์เย็นว่ามีปัญหาหรือไม่ การหมั่นล้างแอร์ปีละ 2-3 ครั้ง จะช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศได้ ที่สำคัญคือการล้างแอร์ช่วยให้บ้านของคุณเย็นสบายแบบไม่ต้องกังวลเรื่องค่าไฟระยะยาว

อุปกรณ์ที่ต้องมี เมื่อล้างแอร์ด้วยตัวเอง

ก่อนจะเริ่มล้างแอร์เอง สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือการเตรียมอุปกรณ์ให้ครบถ้วน การมีเครื่องมือที่เหมาะสมจะช่วยให้การทำความสะอาดแอร์เป็นไปอย่างราบรื่น ปลอดภัย และสามารถทำความสะอาดแอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ การเตรียมอุปกรณ์ไว้ล่วงหน้าให้ครบถ้วนจะช่วยลดความยุ่งยากระหว่างทำงาน อุปกรณ์ที่ควรมีเมื่อล้างแอร์บ้านด้วยตัวเอง ได้แก่

1.ผ้าคลุมหรือผ้าพลาสติกกันน้ำ

ใช้คลุมผนังหรือพื้นด้านล่าง เพื่อป้องกันน้ำและสิ่งสกปรกจากการล้างแอร์ไปโดน

2.แปรงขนนุ่มหรือแปรงสีฟันเก่า

ใช้สำหรับปัดเศษฝุ่นบริเวณคอยล์เย็น ฟินแอร์ และส่วนอื่น ๆ ที่เข้าถึงได้ยาก

3.น้ำยาล้างแอร์แบบสเปรย์หรือโฟม

ช่วยขจัดคราบสกปรกฝังแน่นในคอยล์เย็นได้อย่างล้ำลึก ควรเลือกใช้งานแบบไม่ต้องล้างน้ำซ้ำเพื่อความสะดวก

4.ผ้าสะอาดหรือผ้าไมโครไฟเบอร์

ใช้สำหรับเช็ดฝุ่นภายนอกและซับน้ำบริเวณที่เปียก

5.ขันน้ำหรือกะละมัง

สำหรับรองน้ำจากท่อน้ำทิ้ง หรือใช้ล้างแผ่นกรองแอร์

6.ไขควงหัวแฉก/ไขควงหัวแบน

ใช้สำหรับถอดฝาครอบแอร์ หรือชิ้นส่วนที่ต้องการเปิดทำความสะอาด

7.เครื่องดูดฝุ่นแบบมือถือ

ใช้เป่าฝุ่นในบริเวณที่แคบ ๆ โดยเฉพาะบริเวณฟินคอยล์หรือพัดลมแอร์

8.ถุงมือยางหรือถุงมือผ้า

ป้องกันมือจากน้ำยาและสิ่งสกปรกระหว่างการทำความสะอาด

ขั้นตอนการล้างแอร์เอง อย่างถูกวิธี

วิธีล้างแอร์ด้วยตัวเองให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีต้องอาศัยการทำอย่างถูกต้องทุกขั้นตอน เพราะถ้าทำผิดขั้นตอน อาจทำให้แอร์เสียหายหรือทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพได้ โดยเฉพาะมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มล้างแอร์บ้านด้วยตัวเองครั้งแรก การเข้าใจขั้นตอนที่ถูกต้องจะช่วยให้สามารถดูแลเครื่องปรับอากาศได้อย่างปลอดภัย แอร์สะอาด เย็นเร็ว และช่วยประหยัดไฟได้จริง ไม่ต้องเรียกช่างก็สามารถล้างแอร์ได้เองที่บ้านอย่างมั่นใจ ขั้นตอนการล้างแอร์บ้านเอง มีดังนี้

1. ปิดเบรกเกอร์หรือถอดปลั๊กแอร์ก่อนเริ่มงาน

ก่อนเริ่มล้างแอร์ควรตัดกระแสไฟฟ้าที่เข้าสู่ระบบแอร์ทั้งหมด เพื่อป้องกันไฟฟ้าช็อตหรืออุบัติเหตุจากน้ำที่อาจกระเด็นเข้าแผงวงจร ถือเป็นขั้นตอนพื้นฐานที่ห้ามมองข้ามโดยเด็ดขาด

2. ถอดฝาครอบหน้าเครื่องปรับอากาศ

วิธีถอดแอร์ล้าง เริ่มจากเปิดฝาแอร์ด้านหน้า โดยยกขึ้นตามแนวที่ล็อกไว้ บางรุ่นอาจต้องใช้ไขควงช่วยคลายสกรู เมื่อถอดออกได้แล้ว ควรวางฝาครอบในที่ที่ปลอดภัยเพื่อป้องกันการแตกหัก

3. นำแผ่นกรองอากาศ (Filter) ออกมาล้าง

ฟิลเตอร์กรองอากาศเป็นส่วนที่ดักจับฝุ่นละออง การล้างทำความสะอาดควรใช้น้ำฉีดย้อนทางลมเพื่อให้ฝุ่นหลุดออกจากแผ่นกรองอากาศจนหมด หากมีคราบฝังแน่นให้ใช้น้ำสบู่อ่อน ๆ และแปรงขนนุ่มช่วยขัดเบา ๆ ผึ่งฟิลเตอร์ให้แห้งในที่ร่มก่อนนำกลับมาใส่ที่เดิม

4. ทำความสะอาดคอยล์เย็น

คอยล์เย็นเป็นส่วนที่ทำให้เกิดอุณหภูมิเย็นขึ้น โดยจะมีลักษณะเป็นซี่บาง ๆ ควรใช้แปรงขนนุ่มหรือเครื่องดูดฝุ่นมือถือปัดฝุ่นออกเบา ๆ หากมีน้ำยาล้างแอร์แบบสเปรย์ ก็สามารถฉีดเข้าไปในฟินแอร์เพื่อช่วยละลายสิ่งสกปรก ทิ้งไว้ตามเวลาที่ฉลากบนอุปกรณ์แนะนำ

5. ตรวจสอบและล้างท่อน้ำทิ้ง

ระบบระบายน้ำอาจมีการอุดตันจากคราบฝุ่นหรือเมือก ควรตรวจสอบว่ามีน้ำขังหรือไม่ หากมี ให้ใช้สายยางเล็กหรือลวดดันสิ่งอุดตันออก หรืออาจใช้น้ำแรงดันต่ำช่วยดันให้สิ่งสกปรกไหลออกจากท่อ

6. เช็ดทำความสะอาดตัวเครื่องภายนอก

ใช้ผ้านุ่มชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดคราบฝุ่นบริเวณตัวเครื่อง โดยระวังอย่าให้ความชื้นสัมผัสเข้ากับแผงวงจรหรือปลั๊กไฟ ควรใช้ผ้านุ่มและไม่ซับน้ำจนชุ่มเกินไป

7. ประกอบอุปกรณ์กลับเข้าที่เดิม

เมื่อแผ่นกรองอากาศและคอยล์เย็นแห้งสนิทแล้ว ให้นำกลับมาใส่ให้ตรงตำแหน่งตามเดิม ตรวจเช็กให้แน่นหนา และปิดฝาครอบให้สนิท

8. เปิดเครื่องทดสอบการทำงาน

เมื่อประกอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้เปิดเบรกเกอร์หรือเสียบปลั๊ก จากนั้นเปิดแอร์เพื่อทดสอบระบบการทำงานของเครื่องปรับอากาศ หากมีเสียงผิดปกติหรือกลิ่นแปลก ๆ ควรปิดเครื่องทันทีและตรวจสอบซ้ำ

หลังล้างแอร์ ดูแลรักษาแอร์อย่างไร? ให้สะอาดเหมือนใหม่

การดูแลรักษาหลังล้างทำความสะอาดก็สำคัญไม่แพ้กัน หากดูแลรักษาไม่ดี แอร์ที่เพิ่งล้างอาจกลับมาสกปรกหรือทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพได้ในเวลาอันสั้น การดูแลแอร์อย่างต่อเนื่องไม่เพียงแค่ช่วยให้แอร์สะอาดเหมือนใหม่อยู่เสมอ แต่ยังยืดอายุการใช้งาน ประหยัดพลังงาน และลดปัญหาแอร์ไม่เย็นหรือมีกลิ่นอับได้อีกด้วย เคล็ดลับการดูแลรักษาแอร์หลังล้างให้สะอาดเหมือนใหม่ มีดังนี้

1.หมั่นเช็ดตัวเครื่องภายนอกเป็นประจำ

ใช้ผ้าแห้งหรือผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดฝุ่นที่เกาะด้านนอกเครื่องอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ป้องกันฝุ่นสะสมที่อาจเข้าไปในตัวเครื่อง

2.ทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศทุก 2-4 สัปดาห์

หากเปิดแอร์บ่อยควรล้างฟิลเตอร์ทุก 2 สัปดาห์ เพราะฟิลเตอร์เป็นด่านแรกที่ทำหน้าที่ดักฝุ่น หากปล่อยให้สกปรกจะทำให้แอร์ทำงานหนักและกินไฟมากขึ้น

3.รักษาพื้นที่รอบแอร์ให้สะอาด

ไม่ควรมีสิ่งของวางขวางหน้าแอร์หรือใต้แอร์ เช่น ผ้าม่าน เฟอร์นิเจอร์ หรือสิ่งของสะสมฝุ่น เพราะจะลดการหมุนเวียนอากาศ

4.ใช้โหมดพัดลมก่อนปิดแอร์ (Fan Mode)

เปิดโหมดพัดลมประมาณ 10-15 นาทีก่อนปิดแอร์ จะช่วยไล่ความชื้นภายในคอยล์เย็น ลดการเกิดเชื้อราและกลิ่นอับสะสม

5.ไม่ควรตั้งอุณหภูมิแอร์ต่ำเกินไป

อุณหภูมิที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 25–26°C จะช่วยให้คอมเพรสเซอร์ทำงานน้อยลง 

6.ตรวจสอบท่อน้ำทิ้งเป็นระยะ

หากพบว่าน้ำระบายออกช้าหรือมีน้ำหยดในบ้าน ควรเช็กว่าท่อแอร์มีการอุดตันหรือไม่ และทำความสะอาดตามความเหมาะสม

7.ล้างแอร์ใหญ่ปีละ 1–2 ครั้ง หรือมากกว่านั้นถ้าใช้งานหนัก

การล้างแอร์ใหญ่เต็มระบบปีละ 1-3 ครั้ง หากใช้งานแอร์หนักสามารถล้างแอร์ทุก 3 เดือนได้ โดยเฉพาะส่วนคอยล์ร้อนด้านนอกก็ยังจำเป็นที่จะต้องล้างทำความสะอาด เพื่อให้ระบบระบายความร้อนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5 สัญญาณบ่งบอก! ถึงเวลาต้องล้างแอร์

แอร์ที่ใช้งานเป็นระยะเวลานานโดยไม่ได้ผ่านล้างการล้างทำความสะอาด  ถึงแม้แอร์จะยังสามารถทำความเย็นได้ปกติ แต่ความเป็นจริงแล้วเครื่องปรับอากาศกำลังสะสมฝุ่น เชื้อรา และสิ่งสกปรกอยู่ภายใน ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของเครื่อง เสี่ยงต่อสุขภาพของผู้ใช้งาน การสังเกตสัญญาณเตือนเล็ก ๆ จากแอร์ จะช่วยให้คุณรู้ทัน และล้างแอร์ได้ทันเวลาก่อนเกิดปัญหาใหญ่ สัญญาณที่บอกว่าแอร์ควรถูกล้างได้แล้ว มีดังนี้

1. แอร์ไม่เย็นหรือเย็นช้ากว่าปกติ

เมื่อฝุ่นอุดตันที่บริเวณฟิลเตอร์หรือคอยล์เย็น จะทำให้อากาศไหลเวียนไม่สะดวก ส่งผลให้แอร์เย็นช้า หรือไม่เย็นเท่าที่ควร

2.ได้กลิ่นอับหรือกลิ่นเหม็นเวลาสัมผัสลมแอร์

กลิ่นไม่พึงประสงค์ แอร์มีกลิ่นอับส่วนใหญ่มักเกิดจากเชื้อรา แบคทีเรีย หรือฝุ่นที่สะสมอยู่ในแผงคอยล์หรือฟิลเตอร์

3.มีเสียงผิดปกติจากตัวเครื่อง

เครื่องปรับอากาศมีเสียงดังหรือเสียงแปลกไปจากเดิมอาจมาจากฝุ่นหรือเศษสิ่งของที่เข้าไปติดในพัดลม หรือการเสียดสีของชิ้นส่วนภายใน

4.มีน้ำแอร์หยดหรือรั่วในบ้าน

หากท่อน้ำทิ้งเกิดการอุดตันจากตะไคร่น้ำหรือคราบสกปรก จะทำให้น้ำไหลย้อนกลับหรือรั่วออกมาบริเวณคอยล์เย็นได้ แต่ขั้นตอนการติดตั้งแอร์ก็สำคัญ หากติดตั้งไม่ได้มาตรฐานอาจส่งผลให้น้ำแอร์รั่วได้เช่นเดียวกัน

5.แอร์กินไฟมากขึ้นกว่าปกติ

แอร์ที่สกปรกจะทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน

วิธีล้างแอร์ด้วยตัวเองไม่ใช่เรื่องยาก หากเตรียมอุปกรณ์ให้ครบและทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง ซึ่งวิธีล้างแอร์บ้านสามารถทำได้ตามเนื้อหาด้านบน เพื่อให้แอร์ยังทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ การล้างแอร์นอกจากจะช่วยเรื่องความสะอาดแล้ว ยังช่วยเรื่องสุขภาพได้ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้การล้างแอร์บ้านด้วยตัวเองอาจล้างได้เพียงเฉพาะคอยล์เย็น แต่การทำความสะอาดเต็มระบบตามมาตรฐานการล้างแอร์ควรอาศัยช่างผู้เชี่ยวชาญในทุก ๆ 6 เดือน เลือกใช้บริการล้างแอร์อย่างมีคุณภาพจาก THAIAIRCOOL บริการด้วยช่างมืออาชีพ พร้อมดูแลแอร์ที่คุณรัก

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ วิธีล้างแอร์ด้วยตัวเอง

ล้างแอร์ด้วยตัวเองทำได้จริงไหม

จากคำถามที่หลายคนสงสัยว่าล้างแอร์เองได้ไหม การล้างแอร์ด้วยตัวเองสามารถทำได้จริง โดยเฉพาะในส่วนพื้นฐานอย่างการล้างฟิลเตอร์และเช็ดทำความสะอาดคอยล์เย็น ซึ่งช่วยให้แอร์สะอาดและทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ แม้ไม่ใช่ช่างมืออาชีพก็สามารถดูแลแอร์เบื้องต้นได้ หากมีอุปกรณ์ครบและทำตามขั้นตอนอย่างระมัดระวัง

ล้างเฉพาะแผ่นกรองแอร์พอไหม

การล้างเฉพาะแผ่นกรองแอร์สามารถช่วยลดฝุ่นและสิ่งสกปรกที่เข้าสู่เครื่องปรับอากาศได้ในระดับหนึ่ง และควรทำเป็นประจำทุก 2–4 สัปดาห์ โดยเฉพาะหากใช้งานแอร์บ่อยครั้ง แต่การล้างเพียงฟิลเตอร์ไม่เพียงพอต่อการดูแลระบบแอร์โดยรวม เพราะสิ่งสกปรกยังสะสมในคอยล์เย็นและท่อน้ำทิ้ง หากไม่ทำความสะอาด อาจทำให้แอร์ไม่เย็น มีกลิ่นอับ และกินไฟมากขึ้นในระยะยาว

ล้างแอร์ทุกกี่เดือนถึงจะดี

หากคุณสงสัยว่าควรล้างแอร์บ่อยแค่ไหน? การล้างแอร์เองควรล้างอย่างน้อย เดือนละ 1 ครั้ง และควรล้างแอร์โดยผู้เชี่ยวชาญอีกทุก ๆ 6 เดือน

การล้างแอร์ช่วยลดค่าไฟได้จริงหรือไม่

การล้างแอร์ช่วยลดค่าไฟได้จริง เพราะเมื่อแอร์สะอาด อากาศจะไหลเวียนได้ดี คอมเพรสเซอร์ไม่ต้องทำงานหนัก ส่งผลให้ใช้พลังงานน้อยลง การล้างทำความสะอาดคอยล์เย็นและแผ่นกรองอากาศจะช่วยให้แอร์เย็นเร็วขึ้นและไม่กินไฟเกินความจำเป็น 

ต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้างในการล้างแอร์

ในการล้างแอร์ด้วยตัวเองควรเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม เช่น ผ้าคลุมกันน้ำหรือพลาสติกคลุมพื้นเพื่อป้องกันสิ่งสกปรก แปรงขนนุ่มหรือน้ำยาล้างแอร์สำหรับทำความสะอาดคอยล์เย็น ผ้าไมโครไฟเบอร์สำหรับเช็ดแห้ง และขันน้ำหรือกะละมังรองน้ำจากท่อน้ำทิ้ง นอกจากนี้อาจต้องใช้ไขควง ถุงมือ และเครื่องดูดฝุ่นมือถือตามความสะดวก เพื่อให้การล้างแอร์เป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

บทความแนะนํา