น้ำยาแอร์คืออะไร มีกี่ประเภท ต่างกันยังไง ต้องเติมน้ำยาแอร์บ่อยจริงหรือ

Table of Contents

น้ำยาแอร์คือส่วนสำคัญที่ทำให้เครื่องปรับอากาศสร้างความเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าน้ำยาแอร์มีกี่ประเภท แต่ละแบบต่างกันอย่างไร จำเป็นต้องเติมน้ำยาแอร์บ่อยแค่ไหน THAIAIRCOOL จะพาไปทำความเข้าใจเรื่องน้ำยาแอร์ เพื่อให้คุณเลือกใช้งานได้อย่างปลอดภัย ประหยัดพลังงาน และยืดอายุการใช้งานเครื่องปรับอากาศได้ยาวนานขึ้น

น้ำยาแอร์มีกี่ประเภท น้ำยาแอร์ R32, R410A, R22 ต่างกันยังไง

ปัจจุบันน้ำยาแอร์ที่ใช้กับระบบปรับอากาศแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ น้ำยาแอร์ R22, น้ำยาแอร์ R410A และน้ำยาแอร์ R32 ซึ่งน้ำยาแอร์แต่ละชนิดมีคุณสมบัติและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแตกต่างกันออกไป 

เปรียบเทียบประสิทธิภาพและความต่าง ของน้ำยาแอร์แต่ละประเภท

คุณสมบัติเปรียบเทียบน้ำยาแอร์ R22น้ำยาแอร์ R410Aน้ำยาแอร์ R32
รุ่นแอร์ที่ใช้แอร์รุ่นเก่าแอร์อินเวอร์เตอร์รุ่นกลางแอร์รุ่นใหม่ เน้นการประหยัดไฟ
ประสิทธิภาพการทำความเย็นปานกลางดีดีมาก
การประหยัดพลังงานปานกลางปานกลาง-ดี✅ ประหยัดไฟสูงสุด
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม❌ ทำลายชั้นโอโซน เพราะ ODP สูง❌ ไม่มี ODP แต่ GWP สูง✅ GWP ต่ำ ไม่ทำลายโอโซน
หมายเหตุเพิ่มเติมเลิกผลิตในหลายประเทศใช้ความดันสูง ต้องใช้ท่อเฉพาะเป็นที่นิยม และแทน R410A อย่างรวดเร็ว

คำอธิบายศัพท์เฉพาะจากตารางเปรียบเทียบน้ำยาแอร์

  • ODP (Ozone Depletion Potential) = ค่าศักย์ในการทำลายชั้นโอโซน
  • GWP (Global Warming Potential) = ค่าศักย์ในการก่อภาวะโลกร้อน

รู้จักน้ำยาแอร์ 3 ชนิด น้ำยาแอร์ R32, R410A, R22  ใช้อะไรดีที่สุด

น้ำยาแอร์ R22

น้ำยาแอร์ R22 เป็นน้ำยาแอร์รุ่นเก่าที่เคยใช้แพร่หลายในการเติมน้ำยาแอร์บ้านและแอร์เชิงพาณิชย์ มีคุณสมบัติเย็นเร็ว ราคาไม่สูง แต่มีข้อเสียคือมีค่า ODP สูง ทำลายชั้นโอโซน จึงถูกยกเลิกการผลิตในหลายประเทศ ตามข้อตกลงระหว่างประเทศในพิธีสารมอนทรีออล (Montreal Protocol) รวมถึงประเทศไทยก็ดำเนินการยุติการผลิต และนำเข้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 27 มิ.ย. 2560 และกำหนดว่าการใช้น้ำยาแอร์ R22 จะยุติภายในปี 2573 หรือปี ค.ศ. 2030

น้ำยาแอร์ R410A

เป็นน้ำยาแอร์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อทดแทน น้ำยาแอร์ R22 มีคุณสมบัติไม่ทำลายชั้นโอโซน ประสิทธิภาพในการทำความเย็นดีขึ้น มีอัตราการแลกเปลี่ยนความร้อนสูง ช่วยให้คอมเพรสเซอร์ทำงานได้มีประสิทธิภาพ แต่มีค่าความดันสูงกว่าเดิม จึงต้องใช้กับระบบแอร์ที่ออกแบบเฉพาะ และยังมีค่า GWP ค่อนข้างสูง ส่งผลต่อภาวะโลกร้อน

น้ำยาแอร์ R32

นี่คือน้ำยาแอร์รุ่นใหม่ล่าสุดที่นิยมใช้ในแอร์อินเวอร์เตอร์รุ่นประหยัดพลังงาน มีคุณสมบัติเด่นคือเย็นเร็ว ประหยัดไฟมากกว่ารุ่นก่อน ๆ และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า R410A เพราะมีค่า GWP ต่ำกว่า เหมาะกับคนที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและค่าไฟระยะยาว

การเติมน้ำยาแอร์บ้านต้องเติมบ่อยแค่ไหน มีข้อควรระวังยังไงบ้าง

หลายคนเข้าใจผิดว่าต้องเติมน้ำยาแอร์บ้านทุกปี แต่ความจริงแล้วหากระบบแอร์ไม่รั่วซึม น้ำยาแอร์จะไม่หายไปไหน สามารถใช้งานได้หลายปีโดยไม่จำเป็นต้องเติมน้ำยาแอร์ใหม่ เพราะน้ำยาแอร์เป็นสารที่หมุนเวียนภายในระบบปิด การเติมน้ำยาแอร์จึงควรทำเมื่อมีสัญญาณว่าระบบเริ่มมีปัญหา โดยทั่วไปการล้างแอร์ปีละ 1–2 ครั้งพร้อมการตรวจเช็กแรงดันน้ำยาแอร์จะช่วยให้รู้ว่าแอร์ยังทำงานได้ตามปกติหรือไม่

ข้อควรระวังในการเติมน้ำยาแอร์!

  • อย่าเติมน้ำยาแอร์โดยไม่ตรวจรอยรั่ว เพราะหากเติมเข้าไปในระบบที่รั่ว น้ำยาแอร์จะหายไปอีก และอาจทำให้คอมเพรสเซอร์เสียหายได้
  • ต้องใช้น้ำยาแอร์ให้ตรงกับชนิดที่ระบบแอร์รองรับ เช่น แอร์ที่ออกแบบสำหรับ เติมน้ำยาแอร์ R32 ห้ามใช้ R410A หรือ R22 เด็ดขาด เพราะระบบแรงดันและสารประกอบไม่เหมือนกัน อาจทำให้เครื่องเสียได้
  • ควรให้ช่างแอร์ที่มีใบอนุญาตเป็นผู้เติม ไม่ควรเติมน้ำยาแอร์เอง เพราะต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ และต้องคำนวณปริมาณน้ำยาให้เหมาะกับขนาดระบบ
  • ระวังการเติมน้ำยาแอร์เกินพิกัด เพราะอาจทำให้แรงดันในระบบสูงเกินไป ส่งผลให้คอมเพรสเซอร์ทำงานผิดปกติ

การเติมน้ำยาแอร์ วิธีเติมน้ำยาแอร์บ้าน ขั้นตอนที่ต้องอาศัยความชำนาญ

ไม่ว่าจะเป็นวิธีเติมน้ำยาแอร์บ้าน R32 หรือน้ำยาแอร์ประเภทไหน การเติมน้ำยาแอร์ก็ต้องอาศัยความชำนาญ และเครื่องมือเฉพาะเพื่อป้องกันความเสียหายต่อคอมเพรสเซอร์หรือระบบภายในแอร์ ที่ THAIAIRCOOL เรามีทีมช่างแอร์ที่มีใบอนุญาต มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องนี้คอยให้บริการและให้คำปรึกษา 

6 ขั้นตอนการเติมน้ำยาแอร์ โดยช่างแอร์มืออาชีพ

1. ก่อนเติมต้องดูว่าระบบแอร์ใช้สารทำความเย็นประเภทไหน เพราะแต่ละชนิดมีแรงดันและคุณสมบัติแตกต่างกัน ห้ามใช้แทนกันโดยเด็ดขาด

2. ใช้เกจวัดแรงดันเพื่อประเมินว่าระดับน้ำยาแอร์ในระบบเพียงพอหรือไม่ หากต่ำเกิน อาจมีการรั่วซึม ต้องซ่อมก่อนเติมใหม่

3. หากน้ำยาแอร์ขาดโดยไม่ทราบสาเหตุ ช่างแอร์จะใช้ฟองสบู่หรือเครื่องตรวจรั่ว เพื่อตรวจสอบจุดที่น้ำยาแอร์รั่ว

4. ช่างจะเชื่อมต่อเครื่องมือกับจุดบริการน้ำยาแอร์ แล้วเปิดวาล์วเพื่อให้สารทำความเย็นไหลเข้าในระบบอย่างช้า ๆ

5. ปริมาณน้ำยาแอร์ที่เติมต้องแม่นยำตามสเปกของเครื่องนั้น ๆ

6. หลังเติมจะมีการเปิดเครื่องทดสอบว่าแอร์เย็นตามปกติหรือไม่ และต้องเช็กว่าไม่มีการรั่วซึมหลงเหลือ

ราคาน้ำยาแอร์แต่ละชนิด

เติมน้ำยาแอร์บ้าน ราคาเท่าไร โดยราคาน้ำยาแอร์จะขึ้นอยู่กับชนิดของสาร และ ปริมาณที่เติม ซึ่งอาจรวมค่าช่างหรือคิดแยกต่างหาก การเติมน้ำยาแอร์ ราคาโดยประมาณมีดังนี้ น้ำยาแอร์ R32 ราคา 280-450 บาท/KG, ราคา R410A ประมาณ 350-500 บาท/KG และ ราคา R22 ประมาณ 450-650 บาท/KG ซึ่งราคาขึ้นอยู่กับแบรนด์ คุณภาพน้ำยา และค่าแรงช่างในแต่ละพื้นที่ 

5 สัญญาณเตือนน้ำยาแอร์รั่ว รู้ไว้ก่อนแอร์เสียหนัก

1. แอร์ไม่เย็น หรือเย็นช้ากว่าปกติ

2. มีน้ำแข็งเกาะที่ท่อทองแดง

3. มีเสียงฟู่ หรือเสียงลมรั่วบริเวณท่อ

4. คอมเพรสเซอร์ทำงานตลอดเวลา ไม่ยอมหยุด

5. มีกลิ่นแปลก ๆ ออกมาจากแอร์ อาจเกิดกลิ่นฉุนอ่อน ๆ คล้ายสารเคมี

เลือกน้ำยาแอร์ให้ถูกต้อง ปลอดภัย ต้องมืออาชีพจาก THAIAIRCOOL

น้ำยาแอร์เป็นหัวใจสำคัญของระบบความเย็น การเลือกใช้ประเภทน้ำยาแอร์ที่เหมาะสมกับแอร์จะไม่เพียงช่วยประหยัดพลังงาน แต่ยังยืดอายุการใช้งานของเครื่องอีกด้วย หากคิดจะเปลี่ยนหรือเติมน้ำยาแอร์ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะแต่ละรุ่นมีข้อจำกัดต่างกัน ที่ THAIAIRCOOL เรามีทีมช่างมืออาชีพและน้ำยาแอร์คุณภาพ พร้อมดูแลคุณอย่างมั่นใจทุกขั้นตอน รวมถึงมีบริการอื่น ๆ เกี่ยวกับแอร์ เช่น ล้างแอร์ครบวงจร บริการซ่อมแอร์ เราพร้อมดูแลแอร์ที่คุณรัก

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับน้ำยาแอร์

น้ำยาแอร์ R32, R410A, R22 แตกต่างกันยังไง?

น้ำยาแอร์ทั้ง 3 ชนิดนี้ต่างกันในด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยน้ำยาแอร์ R22 เป็นน้ำยารุ่นเก่าที่มีประสิทธิภาพการทำความเย็นดี แต่ส่งผลกระทบต่อชั้นโอโซนอย่างรุนแรง หลายประเทศจึงยกเลิกการผลิต ส่วนน้ำยาแอร์ R410A เป็นน้ำยารุ่นใหม่กว่า ไม่ทำลายโอโซน แต่ยังมีค่าศักย์การก่อภาวะเรือนกระจกสูง ขณะที่น้ำยาแอร์ R32 เป็นน้ำยาแอร์รุ่นล่าสุด มีประสิทธิภาพการทำความเย็นสูงกว่าเดิม ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่า ถือว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดในขณะนี้

ควรเติมน้ำยาแอร์ทุกปีหรือไม่?

โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องเติมน้ำยาแอร์ทุกปี หากระบบแอร์ไม่มีการรั่วซึม น้ำยาแอร์จะสามารถหมุนเวียนอยู่ในระบบได้ตลอดอายุการใช้งาน การเติมน้ำยาโดยไม่ตรวจสอบหาสาเหตุ อาจทำให้เครื่องเสียหายได้

น้ำยาแอร์ R32 ประหยัดไฟกว่าจริงหรือไม่?

น้ำยาแอร์ R32 ประหยัดไฟกว่าจริง เนื่องจากมีประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนความร้อนสูงกว่าน้ำยา R410A และ R22 ทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานได้เร็วขึ้นและหยุดพักเร็วขึ้น ส่งผลให้กินไฟน้อยลง

น้ำยาแอร์แบบไหนดีที่สุด?

ปัจจุบันน้ำยาแอร์ R32 ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับน้ำยาแอร์บ้าน เพราะให้ความเย็นเร็ว ประหยัดพลังงาน ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า R410A และ R22

บทความแนะนํา