
บริษัท โมบิส โซลูชั่น จำกัด
292/6 ถนนประเสริฐมนูกิจ แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม
กรุงเทพมหานคร 10240
บริการของเรา
ติดต่อเรา
-
Line Official
-
E-mail: [email protected]
แอร์โหมด Dry หนึ่งในโหมดยอดนิยมของเครื่องปรับอากาศ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยลดความชื้นในอากาศโดยเฉพาะ เหมาะอย่างยิ่งกับสภาพอากาศเมืองไทยที่ร้อนชื้นและมีฝนตกบ่อย หลายคนมักสงสัยว่าเปิดแอร์โหมดไหนดีถึงจะเย็นและประหยัดไฟ โหมด Dry จึงเป็นคำตอบที่ช่วยให้รู้สึกเย็นสบายโดยไม่ต้องลดอุณหภูมิลงมากนัก และยังช่วยลดกลิ่นอับหรือเชื้อราที่เกิดจากความชื้นได้ดี เปิดแอร์โหมด Dry อย่างถูกวิธี นอกจากจะสบายตัวแล้วยังประหยัดพลังงานได้อย่างน่าพอใจอีกด้วย
โหมด Dry แอร์ คือฟังก์ชันที่ช่วยลดความชื้นในอากาศโดยไม่ได้เน้นการลดอุณหภูมิแบบโหมด Cool โดยตรง หลายคนอาจเข้าใจว่าโหมด Dry ใช้แทนการทำความเย็นไม่ได้ แต่ในความเป็นจริง โหมดนี้สามารถให้ความรู้สึกเย็นสบายได้ในสภาพอากาศที่มีความชื้น เพราะความชื้นในอากาศเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้อากาศร้อนอบอ้าว แม้อุณหภูมิจะไม่สูงก็ตาม การเลือกเปิดแอร์โหมด Dry แทนโหมด Cool ในบางสถานการณ์ ไม่ใช่แค่ช่วยประหยัดไฟได้ แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของแอร์ทุกประเภท ทำให้ห้องแห้งสบายเหมาะกับการพักผ่อนหรือทำงาน
𑇐 พัดลมและคอมเพรสเซอร์จะทำงานสลับกัน เพื่อควบคุมความชื้นในห้องไม่ให้สูงเกินไป
𑇐 ไม่ลดระดับอุณหภูมิรวดเร็วเหมือนกับโหมด Cool แต่ช่วยให้รู้สึกเย็นสบายขึ้นตามลำดับ
𑇐 เหมาะกับการใช้งานพื้นที่ ที่มีอากาศชื้น เช่น ช่วงฝนตก หรือพื้นที่ใกล้น้ำ
𑇐 ใช้ในวันที่อากาศชื้นแต่ไม่ร้อนจัด เช่น ช่วงเช้า ช่วงเย็น หรือวันที่ฝนตก
𑇐 ปรับอุณหภูมิไว้ที่ประมาณ 25–27 องศาเซลเซียส ไม่ควรตั้งอุณหภูมิต่ำจนเกินไป
𑇐 ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท เพื่อให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
𑇐 ควรเปิดพัดลมร่วมด้วย เพื่อช่วยกระจายอากาศเย็นให้ทั่วห้อง
แอร์โหมด Dry เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการความเย็นแบบแห้งสบาย โดยไม่ต้องการให้อุณหภูมิลดลงรวดเร็วเหมือนโหมด Cool นอกจากให้ความรู้สึกเย็นสบายแล้ว โหมดนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องของการประหยัดพลังงาน หากใช้งานอย่างถูกต้อง การเปิดแอร์โหมด Dry จะช่วยลดการทำงานของคอมเพรสเซอร์ ทำให้ประหยัดไฟและยืดอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศได้ในระยะยาว
เคล็ดลับการใช้งานโหมด Dry ให้ประหยัดไฟสูงสุด
𑇐 เลือกเปิดในช่วงอากาศชื้น : เช่น ตอนช่วงเช้ามืด ตอนเย็น หรือในวันที่ฝนตก ไม่ควรใช้ในวันที่มีอากาศร้อนจัด เพราะอาจทำให้ได้รับความเย็นช้าลง
𑇐 ตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสม : ควรตั้งอุณหภูมิในช่วง 25–27°C เพื่อให้แอร์ทำงานพอเหมาะ ไม่เปลืองพลังงาน
𑇐 ปิดห้องให้มิดชิด : ควรตรวจสอบว่าประตูหน้าต่างปิดสนิท ป้องกันความชื้นจากภายนอกเล็ดลอดเข้าสู่ด้านในห้อง
𑇐 ใช้พัดลมร่วมด้วย : เปิดพัดลมเพื่อช่วยกระจายอากาศเย็น ลดภาระการทำงานของแอร์
𑇐 หมั่นล้างทำความสะอาดแอร์ : การล้างแผ่นกรองอากาศเป็นประจำจะช่วยให้แอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและประหยัดไฟ
เครื่องปรับอากาศในปัจจุบันมีหลากหลายโหมดการทำงาน เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานในสถานการณ์ที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นวันที่อากาศร้อนอบอ้าว วันฝนตก หรือช่วงกลางคืนที่ต้องการความสบายตลอดคืน จึงเป็นเหตุให้หลาย ๆ คนสงสัยว่าเปิดแอร์โหมดไหนดี การเลือกใช้โหมดแอร์ให้เหมาะกับสภาพอากาศไม่ใช่แค่ช่วยเพิ่มความเย็นสบาย แต่ยังช่วยประหยัดพลังงานและยืดอายุการใช้งานของแอร์ได้อีกด้วย
𑇐 โหมด Cool ทำความเย็น : เปิดใช้ในวันที่มีอากาศร้อนจัด ต้องการลดอุณหภูมิในห้องอย่างรวดเร็ว เหมาะกับเวลากลางวันหรือห้องที่โดนแดดจัด
𑇐 โหมด Dry ลดกลิ่นอับ ลดความชื้น : เหมาะกับช่วงหน้าฝนหรือวันที่มีอากาศชื้น ช่วยดูดความชื้นออกจากอากาศ ให้ความรู้สึกเย็นสบายแบบไม่เปลืองไฟ
𑇐 โหมด Fan พัดลม : ใช้เปิดเพื่อให้อากาศหมุนเวียนได้ดีโดยไม่เปิดระบบทำความเย็น เหมาะในช่วงอากาศเย็น หรือใช้ร่วมกับพัดลมธรรมดา
𑇐 โหมด Auto อัตโนมัติ : เครื่องปรับอากาศจะเลือกโหมดการทำงานที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติตามอุณหภูมิภายในห้อง
𑇐 โหมด Sleep นอนหลับ : ปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้นเล็กน้อยทีละนิดขณะนอนหลับ ช่วยให้ไม่เย็นจนเกินไป และประหยัดพลังงานในช่วงเวลากลางคืน
𑇐 โหมด Turbo หรือ Powerful : ใช้เมื่อต้องการให้แอร์ทำงานเต็มกำลังเพื่อทำความเย็นอย่างรวดเร็ว เช่น หลังกลับถึงบ้านในวันที่อากาศร้อนจัด
แอร์โหมด Dry เป็นหนึ่งในโหมดที่ถูกออกแบบมาเพื่อควบคุมความชื้นในอากาศ โดยเฉพาะในวันที่อากาศชื้นหรือเปิดแอร์ในหน้าฝน ซึ่งหลายคนอาจยังไม่แน่ใจว่าควรเปิดใช้งานหรือไม่และยังไม่มั่นใจว่าโหมด Dry ใช้ตอนไหน? โหมดนี้ให้ความรู้สึกเย็นแบบแห้งสบายโดยไม่จำเป็นต้องลดอุณหภูมิมาก แต่ก็มีข้อจำกัดในการใช้งานเช่นกัน การทำความเข้าใจข้อดีข้อเสียของโหมด Dry จึงเป็นสิ่งสำคัญก่อนตัดสินใจใช้งานจริง
𑇐 ช่วยลดความชื้นในอากาศ : เหมาะกับฤดูฝนหรือพื้นที่ใกล้น้ำที่มีความชื้นสูง
𑇐 ประหยัดพลังงาน : คอมเพรสเซอร์ทำงานเบากว่าโหมด Cool จึงใช้ไฟน้อยลง
𑇐 ให้ความรู้สึกเย็นแบบไม่เย็นจัด : เหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบอากาศเย็นจัด
𑇐 ลดโอกาสเกิดเชื้อราและกลิ่นอับ : เพราะความชื้นในห้องลดลง ทำให้อากาศภายในสดชื่นขึ้น
𑇐 ใช้งานง่าย : เพียงกดสลับโหมดบนรีโมทแอร์ แอร์โหมด Dry สัญลักษณ์เป็นรูปหยดน้ำ
𑇐 ไม่เหมาะกับอากาศร้อนจัด : หากอุณหภูมิภายนอกสูงมาก โหมด Dry อาจไม่เย็นเพียงพอ
𑇐 ไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ละเอียด : แอร์จะเน้นลดความชื้นมากกว่าการปรับอุณหภูมิ
𑇐 ให้ความเย็นช้ากว่าโหมด Cool : อาจต้องใช้เวลานาน กว่าห้องจะรู้สึกเย็นขึ้น
𑇐 ใช้ได้เฉพาะบางสถานการณ์ : เหมาะกับช่วงอากาศชื้นเท่านั้น ไม่ใช่โหมดที่ใช้ได้ตลอดทั้งวัน
เครื่องปรับอากาศในสมัยปัจจุบันมีโหมดการใช้งานให้เลือกหลายรูปแบบ หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยคือ ควรเปิดแอร์โหมด Dry หรือโหมด Cool ดีกว่ากัน เพราะทั้งสองโหมดให้ความเย็นสบายคล้ายกัน แต่มีหลักการทำงานและวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน การเข้าใจความแตกต่างระหว่างโหมด Dry กับ Cool จะช่วยให้เลือกใช้งานได้เหมาะสมกับสภาพอากาศ และช่วยประหยัดพลังงานได้มากขึ้นในทุกการใช้งาน
𑇐 หลักการทำงาน : เน้นการดูดความชื้นในอากาศโดยให้คอมเพรสเซอร์ทำงานสลับกับพัดลม
𑇐 ลักษณะความเย็น : เย็นแบบแห้งสบาย ไม่ลดอุณหภูมิลงอย่างรวดเร็ว
𑇐 ความเหมาะสม : วันที่ฝนตก อากาศชื้น หรือช่วงเช้า ช่วงเย็นที่อุณหภูมิไม่สูงมาก
𑇐 ข้อดี : ประหยัดไฟ ลดความชื้น ลดโอกาสเกิดเชื้อรา ลดกลิ่นอับ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้
𑇐 ข้อควรรู้ : ควรสังเกตสัญลักษณ์แอร์โหมด Dry บนรีโมท มักแสดงเป็นรูปหยดน้ำหรือคำว่า Dry
𑇐 หลักการทำงาน : คอมเพรสเซอร์จะทำงานต่อเนื่องเพื่อดึงความร้อนออกจากห้อง
𑇐 ลักษณะความเย็น : เย็นเร็ว ลดอุณหภูมิอย่างชัดเจน
𑇐 ความเหมาะสม : วันที่อากาศร้อนจัด ช่วงกลางวัน หรือห้องที่มีความร้อนสะสม
𑇐 ข้อดี : ให้ความเย็นรวดเร็ว ควบคุมอุณหภูมิได้แม่นยำ
𑇐 ข้อควรระวัง : ใช้ไฟมากกว่า หากเปิดต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้รู้สึกหนาวเกินไปในบางกรณี
แอร์โหมด Dry เป็นโหมดแอร์สำหรับลดความชื้นในอากาศที่ช่วยให้ความเย็นแบบแห้งสบาย เหมาะกับการใช้งานในช่วงอากาศชื้น เช่น หน้าฝน หรือช่วงเช้าเย็น การทำงานของโหมดนี้เน้นลดความชื้นโดยไม่ลดอุณหภูมิอย่างรวดเร็วเหมือนโหมด Cool ส่งผลให้ประหยัดพลังงานและช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศ โหมด Dry ยังเหมาะสำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้ เพราะช่วยลดโอกาสเกิดเชื้อราและกลิ่นอับในห้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โหมด Dry ทำหน้าที่ลดความชื้นในอากาศ เหมาะกับวันที่อากาศชื้นหรือฝนตก โดยจะให้ความเย็นแบบแห้งสบายและประหยัดไฟกว่า ขณะที่โหมด Cool เน้นลดอุณหภูมิห้องโดยตรง เหมาะกับวันที่อากาศร้อนจัดและต้องการความเย็นรวดเร็ว โหมด Cool จะใช้พลังงานมากกว่าเพราะคอมเพรสเซอร์ทำงานต่อเนื่อง ส่วนโหมด Dry จะมีการสลับการทำงานของคอมเพรสเซอร์กับพัดลมจึงช่วยยืดอายุแอร์และลดค่าไฟได้
โหมด Dry ช่วยลดความชื้นในอากาศได้จริงโดยการควบคุมการทำงานของคอมเพรสเซอร์และพัดลมให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ ช่วยให้ห้องไม่รู้สึกอับชื้นและเย็นสบายขึ้น
โหมด Dry ใช้ตอนไหนดีที่สุด? คำตอบคือช่วงหน้าฝนหรือวันที่อากาศชื้น เพราะโหมดนี้ช่วยลดความชื้นในอากาศ ทำให้ห้องแห้งและเย็นสบายโดยไม่เปลืองไฟ หากสงสัยว่าโหมด Dry ใช้ในหน้าฝนได้ไหม ก็ตอบได้เลยว่าเหมาะมาก
เมื่อเปิดโหมด Dry แอร์จะยังคงให้ความเย็น แต่จะเย็นแบบแห้งสบาย โหมดนี้เน้นลดความชื้นในอากาศมากกว่าการทำความเย็นแบบเต็มที่ จึงทำให้รู้สึกเย็นโดยไม่หนาวเกินไป
โหมด Dry ช่วยลดความชื้นในอากาศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่ได้ทำให้อากาศแห้งจนเกินไปเหมือนเครื่องฟอกอากาศหรือเครื่องลดความชื้นเฉพาะทาง แต่ถ้าหากใช้โหมดนี้นานเกินไปในห้องที่มีอากาศแห้งเป็นทุนเดิม อาจทำให้รู้สึกอากาศแห้งและไม่สบายตัวได้ จึงควรปรับใช้อย่างเหมาะสมตามสภาพอากาศ
บริษัท โมบิส โซลูชั่น จำกัด
292/6 ถนนประเสริฐมนูกิจ แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม
กรุงเทพมหานคร 10240
ติดต่อเรา
Copyright © 2025 Mobiz Solution Company Limited. All rights reserved.