
บริษัท โมบิส โซลูชั่น จำกัด
292/6 ถนนประเสริฐมนูกิจ แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม
กรุงเทพมหานคร 10240
บริการของเรา
ติดต่อเรา
-
Line Official
-
E-mail: [email protected]
การเลือกแอร์ให้เหมาะสมกับขนาดห้องไม่ใช่แค่เรื่องของราคา แต่ยังส่งผลต่อความเย็น ประสิทธิภาพ และค่าไฟในระยะยาว หากเลือกแอร์ที่ BTU สูงเกินไป อาจทำให้เปลืองไฟโดยไม่จำเป็น แต่ถ้า BTU ต่ำเกินไปก็จะเย็นไม่ทันใจและทำให้เครื่องทำงานหนัก บทความนี้จะพาไปดูวิธี คำนวณแอร์ BTU อย่างถูกต้อง พร้อมคำแนะนำในการเลือก ขนาดห้องติดแอร์ ให้ตรงกับความต้องการจริง เพื่อความเย็นพอดี ประหยัดพลังงาน และยืดอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศ
BTU (British Thermal Unit) คือหน่วยวัดพลังงานความร้อนที่ใช้ในการระบุ “ความสามารถในการทำความเย็น” ของเครื่องปรับอากาศ โดย 1 BTU คือพลังงานที่ใช้ในการทำให้น้ำหนักน้ำ 1 ปอนด์ มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 1 องศาฟาเรนไฮต์
สำหรับเครื่องปรับอากาศ ยิ่งจำนวน BTU สูง ก็ยิ่งสามารถลดอุณหภูมิในพื้นที่กว้างหรือร้อนจัดได้เร็วขึ้น แต่หากเลือก BTU ไม่เหมาะสมกับขนาดห้อง อาจส่งผลให้แอร์ทำงานหนักเกินไปหรือเย็นเกินความจำเป็น ทำให้เปลืองไฟและอายุการใช้งานลดลง
การเลือกขนาด BTU ของแอร์ให้เหมาะสมไม่ใช่ดูเพียงแค่ขนาดพื้นที่ห้องเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ ที่มีผลต่ออุณหภูมิและภาระในการทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ ดังนี้
การคำนวณแอร์ BTU ที่เหมาะสมกับขนาดห้องมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากเลือก BTU ต่ำเกินไป เครื่องปรับอากาศจะต้องทำงานหนักตลอดเวลาและทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน ในทางตรงกันข้าม ถ้าเลือก BTU สูงเกินความจำเป็น จะส่งผลให้ห้องเย็นเร็วเกินไป ระบบตัดบ่อย และอาจทำให้เกิดความชื้นสะสมในห้อง
ขนาดห้อง (กว้าง x ยาว) x ค่าความร้อนที่เหมาะสม (BTU/ตร.ม.)
ค่าความร้อนโดยประมาณที่ใช้
ตัวอย่างการคำนวณ
หมายเหตุ: การเลือก ขนาดห้องติดแอร์ ควรตรวจสอบความสูงของเพดาน ถ้าเกิน 2.5 เมตร หรือห้องมีหน้าต่างขนาดใหญ่ ควรเพิ่มค่า BTU ประมาณ 10–15%
การใช้สูตรนี้จะช่วยให้คุณสามารถตอบคำถามว่า “ห้องกี่ตารางเมตร ใช้แอร์กี่ BTU?” ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น และเลือก BTU แอร์ ได้ตรงกับความต้องการอย่างแท้จริง
ตารางเปรียบเทียบขนาดห้อง (ตารางเมตร) กับ ขนาดแอร์ (BTU) ที่เหมาะสม ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งกับห้องนอน ห้องรับแขก หรือห้องทำงานทั่วไป โดยใช้ค่าประมาณ 600–800 BTU/ตร.ม. ตามระดับความร้อนในห้อง
หมายเหตุเพิ่มเติม
ก่อนจะติดตั้งแอร์ในบ้านหรือที่พักอาศัย การรู้ว่าแอร์กี่ BTU เหมาะกับห้องของคุณถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากเลือกไม่ตรงกับขนาดพื้นที่หรือรูปแบบการใช้งาน อาจส่งผลให้แอร์ทำงานหนัก สิ้นเปลืองไฟ และเย็นไม่ทั่วถึง ดังนั้น การ คำนวณแอร์ BTU อย่างเหมาะสมจึงควรพิจารณาจากทั้งขนาดห้องและการใช้งานเป็นหลัก
ห้องนอนขนาดเล็ก เช่น ห้อง 9 ตารางเมตร ใช้แอร์กี่ BTU แนะนำแอร์ประมาณ 7,000–9,000 BTU หากเป็น ห้อง 18 ตารางเมตร ใช้แอร์กี่ BTU ควรเลือกขนาด 12,000 BTU เพื่อประสิทธิภาพในการทำความเย็นที่เพียงพอ
ห้องขนาดใหญ่หรือมีคนอยู่พร้อมกันหลายคน เช่น ห้อง 24 ตารางเมตร ใช้แอร์กี่ BTU หรือ ห้อง 20 ตารางเมตร ใช้แอร์กี่ BTU ควรเลือกแอร์ขนาด 18,000 BTU หรือ แอร์ 18000 BTU ขนาดห้อง ก็เหมาะกับห้องประมาณ 24–30 ตร.ม.
ห้องที่มีความร้อนสะสมสูง เช่น ครัว หรือห้องที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชิ้น อาจต้องเพิ่ม BTU จากค่ามาตรฐาน 10–20% เพื่อให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น หากเป็น ห้องขนาด 3×4 ใช้แอร์กี่ BTU (12 ตร.ม.) ควรเลือกแอร์ 10,000–12,000 BTU
ในกรณีที่ห้องมีขนาดแปลก เช่น ห้อง 25 ตารางเมตร ใช้แอร์กี่ BTU หรือ ห้องขนาดเท่าไหร่ ใช้แอร์กี่ BTU ควรใช้สูตรคำนวณ BTU เบื้องต้นคือ ขนาดห้อง (กว้าง x ยาว) x 600–800 = BTU ที่เหมาะสม
การเลือกแอร์โดยไม่พิจารณาแค่ BTU เพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงขนาดห้องติดแอร์ การใช้งาน และทิศทางแดด จะช่วยให้ประหยัดพลังงานและยืดอายุการใช้งานของเครื่องได้ในระยะยาว หากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกแอร์ขนาดไหนดี การเทียบกับขนาดห้อง ติดแอร์ ที่เหมาะสมตามคำแนะนำนี้ จะเป็นแนวทางที่ดีในการตัดสินใจ
การเลือกขนาดแอร์ให้เหมาะสมกับ ขนาดห้องติดแอร์ และลักษณะการใช้งานเป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม หากเลือกถูกต้อง ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ห้องเย็นเร็วและทั่วถึง แต่ยังช่วยลดภาระการทำงานของเครื่อง ประหยัดพลังงาน และยืดอายุการใช้งานได้ในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็น ห้องนอน 9 ตารางเมตร, ห้องรับแขก 24 ตารางเมตร, หรือ ห้องขนาด 3×4 เมตร ก็สามารถคำนวณ BTU ที่เหมาะสมได้ด้วยหลักการง่าย ๆ ที่กล่าวไปข้างต้น
และหากคุณกำลังมองหาแอร์คุณภาพดี พร้อมคำแนะนำด้านการคำนวณ BTU และบริการติดตั้งโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ THAIAIRCOOL คือหนึ่งในตัวเลือกที่น่าเชื่อถือ ด้วยประสบการณ์ในวงการเครื่องปรับอากาศ ทั้งสำหรับบ้าน คอนโด และสำนักงาน พร้อมระบบให้คำปรึกษาแบบเฉพาะเจาะจงตาม ขนาดห้อง และ การใช้งานจริง เพื่อให้คุณได้แอร์ที่เหมาะสมที่สุดในราคาที่คุ้มค่า
ควรเลือกแอร์ประมาณ 18,000–22,000 BTU ขึ้นอยู่กับว่าห้องโดนแดดมากเพียงใด และมีคนใช้งานกี่คน หากห้องอยู่ทิศตะวันตกหรือมีหน้าต่างกว้าง ควรเลือกฝั่ง BTU ที่สูงขึ้น
แอร์ขนาด 12,000 BTU หมายถึงเครื่องปรับอากาศที่สามารถทำความเย็นได้ประมาณ 12,000 หน่วย BTU ต่อชั่วโมง เหมาะสำหรับห้องขนาด 16–20 ตารางเมตร เช่น ห้องนอน ห้องทำงาน หรือห้องนั่งเล่นขนาดกลาง
ควรเลือกแอร์ขนาด 13,000–15,000 BTU หากห้องไม่โดนแดดจัด และไม่มีคนอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้ามีเครื่องใช้ไฟฟ้าเยอะหรืออากาศร้อน ควรขยับขึ้นไปที่ 18,000 BTU
เหมาะกับห้องขนาด 12–15 ตารางเมตร เช่น ห้องนอนเล็ก ห้องเด็ก หรือห้องทำงานขนาดเล็กที่ไม่มีแดดจัด
พื้นที่รวมประมาณ 16 ตารางเมตร เหมาะกับแอร์ขนาด 10,000–12,000 BTU โดยเลือกตามความร้อนสะสมของห้องและทิศทางแดด
ขนาดห้องประมาณ 24 ตารางเมตร แนะนำเลือก แอร์ 18,000 BTU เพื่อให้เพียงพอต่อความเย็นทั่วถึง
สามารถดู BTU ได้ที่ สเปกเครื่อง, สติกเกอร์ข้างแอร์, หรือในคู่มือการใช้งาน มักจะเขียนว่า “Cooling Capacity” หรือระบุ BTU โดยตรง เช่น 12,000 BTU
พื้นที่ประมาณ 9 ตารางเมตร เหมาะกับแอร์ขนาด 7,000–9,000 BTU โดยเฉพาะห้องนอนเล็กหรือห้องที่ไม่มีความร้อนจากแดดมาก
แนะนำ แอร์ 18,000 BTU ซึ่งครอบคลุมห้องขนาดกลางถึงใหญ่ เช่น ห้องนั่งเล่นหรือห้องทำงานรวม
ควรเลือกแอร์ขนาด 24,000–28,000 BTU ขึ้นอยู่กับการใช้งานและลักษณะห้อง เช่น เพดานสูงหรือมีหน้าต่างบานใหญ่
เหมาะกับแอร์ขนาด 7,000–9,000 BTU โดยเฉพาะห้องนอนหรือห้องทำงานเล็ก
บริษัท โมบิส โซลูชั่น จำกัด
292/6 ถนนประเสริฐมนูกิจ แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม
กรุงเทพมหานคร 10240
ติดต่อเรา
Copyright © 2025 Mobiz Solution Company Limited. All rights reserved.