6 แอร์ประหยัดไฟ ยี่ห้อไหนดี รุ่นไหนประหยัดไฟจริง ฉบับ 2025

Table of Contents

ในยุคที่ค่าไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเลือกแอร์ประหยัดไฟจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในระยะยาว หลายคนอาจยังลังเลว่าแอร์ยี่ห้อไหนดี ประหยัดไฟ และแอร์รุ่นไหนประหยัดไฟจริงที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องคุณภาพและความคุ้มค่า ยิ่งไปกว่านั้น แอร์ที่ประหยัดไฟที่สุดในปัจจุบันต้องมาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ช่วยควบคุมการทำงานอย่างชาญฉลาด THAIAIRCOOL จะพาไปสำรวจแอร์รุ่นยอดนิยมของปี 2025 พร้อมเปรียบเทียบข้อมูล BTU ฟังก์ชัน และค่า SEER เพื่อช่วยให้คุณเลือกแอร์ได้เหมาะสมกับการใช้งานจริง

วิธีเลือกแอร์ที่ประหยัดไฟที่สุดให้เหมาะกับบ้านและการใช้งาน

การเลือกแอร์ ประหยัดไฟไม่ได้ขึ้นอยู่แค่กับแบรนด์หรือฟังก์ชันการใช้งาน แต่ต้องพิจารณาจากหลายปัจจัยร่วมกัน เพื่อให้ได้แอร์ประหยัดไฟจริง และเหมาะสมกับลักษณะการใช้งานของแต่ละบ้าน ดังนั้น ก่อนตัดสินใจซื้อแอร์ประหยัดไฟที่สุด ควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้

เลือกขนาด BTU ให้เหมาะกับขนาดห้อง

การเลือกขนาด BTU แอร์ ควรคำนวณ BTU ตามขนาดของพื้นที่ เช่น ห้องขนาด 20 ตร.ม. ควรใช้แอร์ BTU ประมาณ 12,000 BTU หากเลือก BTU ต่ำเกินไป แอร์จะทำงานหนัก เสียพลังงานมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าเลือก BTU สูงเกินความจำเป็น จะสิ้นเปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ 

เลือกแอร์ระบบ Inverter

แอร์ระบบ Inverter จะทำหน้าที่ปรับรอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์ให้เหมาะสม ลดการใช้พลังงานในระยะยาว แม้จะมีราคาจะสูงกว่าแอร์แบบธรรมดา แต่ช่วยเรื่องประหยัดไฟได้อย่างเห็นผล

เช็กค่า SEER หรือ EER (ค่าประสิทธิภาพพลังงาน)

ควรเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีค่า SEER (Seasonal Energy Efficiency Ratio)  สูง ยิ่งค่า SEER สูง ยิ่งประหยัดไฟ และควรเลือกแอร์ประหยัดไฟเบอร์ 5 พร้อมทั้งมีค่า SEER สูงกว่า 16 ขึ้นไป

เลือกแอร์ประหยัดไฟจากไลฟ์สไตล์การใช้งาน

หากเปิดแอร์ทั้งวัน ควรเลือกแอร์ประหยัดไฟแบบ Inverter ที่มีความทนทานและกินไฟน้อย แต่ถ้าเปิดแอร์เฉพาะตอนนอน อาจเลือกใช้งานแบบธรรมดาที่ขนาด BTU เหมาะสมก็เพียงพอ

พิจารณาฟังก์ชันเสริมช่วยประหยัดพลังงาน

เช่นเลือกแอร์ที่มีฟังก์ชัน Sleep Mode, Eco Mode, Timer ตั้งเวลาเปิด-ปิดอัตโนมัติ ฟังก์ชันเสริมเหล่านี้จะช่วยลดการทำงานเกินความจำเป็นและช่วยประหยัดพลังงานได้มากขึ้น

ติดตั้งเครื่องปรับอากาศโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ

การติดตั้งที่ไม่ถูกต้องอาจส่งผลให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักและกินไฟกว่าปกติ ดังนั้นควรเลือกช่างติดตั้งเครื่องปรับอากาศที่ได้มาตรฐาน พร้อมตรวจเช็กแนวทิศทางลม และการระบายอากาศ

แนะนำแอร์ยี่ห้อไหน ประหยัดไฟ รุ่นยอดนิยม ปี 2025

เมื่อพูดถึงแอร์ประหยัดไฟ หลายคนมักสงสัยว่าแอร์ยี่ห้อไหนดีที่ประหยัดไฟที่สุด และแอร์รุ่นใดที่ให้ทั้งความคุ้มค่า ประสิทธิภาพดี เหมาะกับการใช้งานในบ้านหรือคอนโด ในปี 2025 หลายแบรนด์ชั้นนำได้พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อรองรับการประหยัดพลังงานมากขึ้น รวมถึงฟังก์ชันเสริมที่ช่วยลดภาระค่าไฟฟ้า แอร์รุ่นไหนประหยัดไฟที่สุด THAIAIRCOOL มีคำตอบ

1.Mitsubishi Electric Mr. Slim Inverter (รุ่น MSY-GN Series)

𑇐 ระบบ Inverter ประหยัดพลังงาน

𑇐 ค่า SEER สูงถึง 18.5

𑇐 เสียงเงียบ ทนทาน เหมาะกับห้องนอนหรือคอนโด

𑇐 ฟังก์ชัน Econo Cool ช่วยควบคุมอุณหภูมิอย่างมีประสิทธิภาพ

2.Mitsubishi Heavy Duty Inverter (รุ่น SRK-YXP Series)

𑇐 ระบบ Jet Flow ส่งลมแรงและไกล เย็นเร็ว ประหยัดพลังงาน

𑇐 ใช้ Inverter ควบคุมการทำงานแม่นยำ ลดการกินไฟ

𑇐 ค่า SEER สูงกว่า 17 มีฉลากประหยัดไฟผ่านมาตรฐานเบอร์ 5 

𑇐 มีโหมด Eco และโหมด Sleep ช่วยลดพลังงานในช่วงเวลาที่ไม่จำเป็น

𑇐 โครงสร้างแข็งแรง ทนทาน เหมาะกับบ้านที่ใช้งานแอร์ทุกวัน

3.Daikin Smile Inverter (รุ่น FTKF Series)

𑇐 ใช้สารทำความเย็น R32 ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

𑇐 ค่า SEER สูงกว่า 20 ในบางรุ่น

𑇐 ประหยัดไฟระดับเบอร์ 5 มีฉลากดาวหลายดวง

𑇐 เหมาะกับบ้านที่เปิดแอร์ทั้งวัน

4.Daikin Super Smart Inverter (รุ่น FTKZ Series)

𑇐 เทคโนโลยี Streamer ช่วยกรองอากาศและฆ่าเชื้อไวรัส

𑇐 Inverter ประหยัดพลังงานสูง ค่า SEER สูงกว่า 22 ในบางขนาด

𑇐 โหมด Comfort Air ปรับองศาลมให้ไม่พัดตรงตัวโดยตรง

𑇐 เหมาะกับบ้านที่ต้องการแอร์ที่ให้ทั้งความเย็น สะอาด และประหยัดไฟในเครื่องเดียว

𑇐 ดีไซน์เรียบหรู มีเทคโนโลยีควบคุมผ่านแอปพลิเคชันเสริม

5.Carrier XInverter Plus (รุ่น 42TVAA)

𑇐 ฟังก์ชัน Follow Me ตรวจจับตำแหน่งผู้ใช้งาน

𑇐 Inverter แบบ Dual Rotary เย็นไวและประหยัดไฟ

𑇐 ตัวเครื่องดีไซน์บางเฉียบ เหมาะกับห้องทันสมัย

𑇐 มีระบบทำความสะอาดตัวเอง ลดการสะสมของฝุ่น

6.Carrier EVOLUTION Inverter R32 (รุ่น 42TVGS Series)

𑇐 ค่า SEER สูงระดับเบอร์ 5 หลายดาว (มากกว่า 18 ขึ้นไป)

𑇐 ใช้สารทำความเย็น R32 เย็นเร็วและประหยัดพลังงาน

𑇐 มีระบบตรวจจับอุณหภูมิแบบอัจฉริยะ และระบบกรองฝุ่น PM 2.5

𑇐 โหมด Eco ช่วยลดการใช้พลังงานโดยอัตโนมัติเมื่อห้องเย็นเพียงพอ

𑇐 เหมาะกับบ้านที่ต้องการทั้งความเย็นเร็วและประหยัดไฟในระยะยาว

BTU คืออะไร? มีผลต่อการประหยัดไฟของแอร์อย่างไร?

การเลือกซื้อแอร์ประหยัดไฟสิ่งที่พบเจอได้บ่อยคือ การเลือกเครื่องปรับอากาศจาก BTU ซึ่งแน่นอนว่าหลายคนอาจยังไม่รู้ว่า BTU คืออะไร? ความเป็นจริงแล้ว BTU คือสิ่งสำคัญของการเลือกแอร์ให้เหมาะสมกับห้อง เพราะหากเลือกขนาด BTU ไม่ถูกต้อง ไม่ใช่เพียงแค่ภายในห้องจะไม่เย็นตามที่ต้องการ แต่ยังส่งผลให้สิ้นเปลืองไฟมากกว่าปกติ

BTU คืออะไร?

𑇐 BTU ย่อมาจาก “British Thermal Unit” เป็นหน่วยวัดพลังงานความร้อน โดยใช้บอกความสามารถในการทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ

𑇐 ยิ่งเลือกขนาด BTU สูง ความสามารถในการทำความเย็นยิ่งมาก

𑇐 BTU เป็นตัวกำหนดว่าแอร์ตัวนั้น ๆ สามารถทำความเย็นได้ในพื้นที่ขนาดเท่าใด

BTU มีผลต่อการประหยัดไฟอย่างไร?

𑇐 หากเลือก BTU ต่ำกว่าความต้องการของพื้นที่ แอร์จะทำงานหนักตลอดเวลาเพื่อให้ห้องเย็น ส่งผลให้แอร์กินไฟมากขึ้นและเครื่องพังเร็ว

𑇐 ถ้าเลือกแอร์ BTU สูงเกินไป เครื่องจะตัดบ่อย อาจทำให้เกิดความชื้นสะสม แอร์เหม็นอับ และสิ้นเปลืองไฟโดยไม่จำเป็น

𑇐 การเลือก BTU พอดีกับขนาดห้อง จะช่วยให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและประหยัดไฟ

การเลือก BTU ตามขนาดห้อง

𑇐 ห้องขนาด 9–12 ตร.ม. ใช้แอร์ขนาด 9,000 BTU

𑇐 ห้องขนาด 13–18 ตร.ม. ใช้แอร์ขนาด 12,000 BTU

𑇐 ห้องขนาด 19–24 ตร.ม. ใช้แอร์ขนาด 18,000 BTU

𑇐 ห้องขนาด 25–30 ตร.ม. ใช้แอร์ขนาด 24,000 BTU

เคล็ดลับ! ใช้งานแอร์อย่างไรให้ประหยัดไฟได้จริง

แอร์รุ่นใหม่มักจะมาพร้อมกับเทคโนโลยี Inverter และค่า SEER ระดับสูงเพื่อประหยัดไฟ แต่หากใช้งานเครื่องปรับอากาศไม่ถูกวิธี ก็ยังคงส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังงานเช่นเดิม การใช้งานแอร์ประหยัดไฟให้คุ้มค่า ไม่ใช่เพียงแค่รู้วิธีเลือกแอร์ประหยัดไฟเท่านั้น แต่ต้องใส่ใจพฤติกรรมระหว่างการใช้งานแอร์ด้วย เคล็ดลับง่าย ๆ เหล่านี้จะช่วยลดค่าไฟฟ้าในแต่ละเดือนอย่างเห็นผล โดยที่ไม่ต้องลดความเย็นสบายลง เคล็ดลับการใช้งานแอร์ให้ประหยัดไฟ มีดังนี้

1.ตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสม (25–27 องศาเซลเซียส)

อุณหภูมิที่ไม่เย็นจนเกินไปจะช่วยลดภาระคอมเพรสเซอร์และประหยัดพลังงาน

2.เปิดพัดลมร่วมกับเครื่องปรับอากาศ

พัดลมช่วยให้อากาศหมุนเวียนดีขึ้น ทำให้รู้สึกเย็นสบายแม้ตั้งอุณหภูมิไว้สูง

3.ปิดประตู–หน้าต่างให้สนิท

ช่วยป้องกันลมร้อนจากภายนอกเข้าด้านใน และลดการรั่วไหลของความเย็น

4.ทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศเป็นประจำ (ทุก ๆ 2 สัปดาห์)

การทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศช่วยให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น

5.ใช้ฟังก์ชันประหยัดพลังงาน เช่น Eco Mode หรือ Sleep Mode

แอร์จะปรับรอบการทำงานอัตโนมัติให้เหมาะกับช่วงเวลา ช่วยลดพลังงานโดยไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง

6.ตั้งเวลาปิดล่วงหน้า

หากใช้งานเครื่องปรับอากาศก่อนนอนบ่อยครั้ง การตั้งเวลาปิดไว้จะช่วยลดการเปิดแอร์ทิ้งโดยไม่จำเป็น

7.บำรุงรักษาแอร์ปีละ 1–2 ครั้งโดยช่างมืออาชีพ

การล้างแอร์ลึก (ล้างฟินแอร์ คอยล์เย็น คอยล์ร้อน) จะช่วยให้แอร์ทำงานเต็มประสิทธิภาพและประหยัดไฟมากขึ้น

การเลือกแอร์ประหยัดไฟกลายเป็นสิ่งสำคัญของหลายบ้าน โดยเฉพาะบ้านหรือคอนโดที่ใช้งานเครื่องปรับอากาศเป็นประจำทุกวัน ข้อมูลที่ควรรู้ก่อนซื้อแอร์ ไม่ว่าจะเป็นการเลือก BTU ให้เหมาะกับห้อง ระบบ Inverter ฟังก์ชันช่วยประหยัดพลังงาน รวมถึงแนะนำรุ่นยอดนิยมจากแบรนด์ดังอย่าง Mitsubishi, Daikin และ Carrier ที่มีค่า SEER สูง ช่วยประหยัดไฟได้จริง แอร์รุ่นไหนประหยัดไฟจริงสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ THAIAIRCOOL

คำถามที่เกี่ยวกับ แอร์ประหยัดไฟ

วิธีเลือกแอร์ให้ประหยัดไฟต้องดูส่วนไหนบ้าง

วิธีเลือกแอร์ประหยัดไฟ ควรเริ่มจากการดูค่า SEER หรือ EER ที่ยิ่งสูงยิ่งแสดงถึงประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดี เลือกแอร์ระบบ Inverter ที่ช่วยควบคุมการทำงานของคอมเพรสเซอร์ให้เหมาะสม ลดภาระค่าไฟในระยะยาว ควรเลือกขนาด BTU ให้เหมาะกับขนาดห้อง ไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป และควรตรวจสอบฟังก์ชันเสริมอย่างโหมด Eco, Sleep หรือการตั้งเวลา ที่ช่วยลดการทำงานเกินความจำเป็นของเครื่องปรับอากาศ

BTU เยอะเกินไปจะทำให้เปลืองไฟหรือไม่

การเลือกแอร์ BTU สูงเกินไป เครื่องปรับอากาศจะตัดบ่อย ทำให้เกิดความชื้นสะสม แอร์เหม็นอับ และสิ้นเปลืองไฟโดยไม่จำเป็น

โหมดประหยัดพลังงานในแอร์ช่วยอะไร

โหมดประหยัดพลังงานในแอร์ หรือที่เรียกว่า Eco Mode มีหน้าที่ควบคุมการทำงานคอมเพรสเซอร์และพัดลมให้ทำงานในระดับที่ใช้พลังงานน้อยลง โดยยังคงให้ความเย็นอย่างเหมาะสมกับสภาพอากาศและการใช้งาน 

เปิดแอร์ร่วมกับพัดลมช่วยประหยัดไฟจริงไหม

การเปิดแอร์ร่วมกับพัดลมสามารถช่วยประหยัดไฟได้จริง เพราะพัดลมจะช่วยให้อากาศเย็นจากแอร์กระจายทั่วห้องได้รวดเร็วและสม่ำเสมอมากขึ้น ทำให้รู้สึกเย็นสบายแม้ตั้งอุณหภูมิแอร์ไว้สูง เช่น 26–28 องศาเซลเซียส พัดลมจะช่วยลดภาระการทำงานของคอมเพรสเซอร์ ส่งผลให้แอร์ใช้พลังงานน้อยลงในระยะยาว

แอร์รุ่นใหม่มีเทคโนโลยีช่วยลดพลังงานไหม

แอร์รุ่นใหม่ส่วนใหญ่ถูกออกแบบมาให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีระบบ Inverter เข้ามาควบคุมการทำงานของคอมเพรสเซอร์ให้ปรับรอบตามอุณหภูมิจริง ลดการใช้ไฟเมื่อไม่จำเป็น 

บทความแนะนํา