แอร์โรงงานมีกี่ประเภท แอร์โรงงานอุตสาหกรรมต่างจากแอร์บ้านยังไง

Table of Contents

เมื่อต้องเลือกระบบปรับอากาศในงานอุตสาหกรรม คำถามที่ตามมาคือแล้วแอร์โรงงานต่างจากแอร์บ้านที่ใช้กันอยู่ทุกวันอย่างไร THAIAIRCOOL จะพาคุณไปเจาะลึกความแตกต่างที่สำคัญ  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์ ระบบทำความเย็น ไปจนถึงฟังก์ชันพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานหนักในสภาพแวดล้อมเฉพาะทาง พร้อมทั้งแนะนำว่าแอร์โรงงานยี่ห้อไหนดี แอร์โรงงานราคาประมาณเท่าไร เพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ ให้คุณได้แอร์โรงงานที่ใช่ และตอบโจทย์ทุกการใช้งานที่ต้องการ

ความแตกต่างระหว่างแอร์บ้านกับแอร์โรงงาน แอร์อุตสาหกรรม

แม้ว่า “แอร์บ้าน” และ “แอร์โรงงานหรือแอร์อุตสาหกรรม” จะทำหน้าที่หลักเหมือนกันคือการปรับอากาศให้เย็นสบาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งสองประเภทมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งด้านขนาด ระบบการทำงาน ความทนทาน และการออกแบบให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน แอร์บ้านถูกพัฒนามาเพื่อการใช้งานในพื้นที่อยู่อาศัยทั่วไป เน้นความประหยัดพลังงานและใช้งานง่าย ขณะที่แอร์โรงงานหรือแอร์อุตสาหกรรมถูกออกแบบมาเพื่อรองรับพื้นที่ขนาดใหญ่ มีการทำงานต่อเนื่อง และต้องทนต่อสภาพการใช้งานที่หนักหน่วง การทำความเข้าใจความแตกต่างนี้จึงช่วยให้เลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสมและคุ้มค่า

กำลังการทำความเย็น (BTU)

  • แอร์บ้านมีกำลังการทำความเย็นค่อนข้างจำกัด อยู่ในช่วงประมาณ 9,000 BTU ถึง 40,000 BTU 
  • แอร์โรงงานมีกำลังการทำความเย็นสูงกว่ามาก ตั้งแต่ 40,000 BTU ขึ้นไปจนถึงระดับล้าน BTU 

ระบบการทำงาน

  • แอร์บ้านส่วนใหญ่เป็นระบบแยกส่วน (Split Type) ซึ่งติดตั้งง่ายและบำรุงรักษาไม่ซับซ้อน
  • แอร์โรงงานใช้ระบบที่ซับซ้อนกว่า เช่น ระบบ VRV/VRF หรือระบบ Chiller ที่ใช้ “น้ำ” เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนความร้อน

โครงสร้างและความทนทาน

  • แอร์บ้านออกแบบมาเพื่อความสวยงามและเงียบสงบ
  • แอร์โรงงานมีโครงสร้างที่แข็งแรงทนทานกว่ามาก สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง

การควบคุมและฟังก์ชันพิเศษ

  • แอร์บ้านเน้นตอบสนองความสะดวกสบายของผู้ใช้ 
  • แอร์โรงงานมีระบบควบคุมที่ซับซ้อนและยืดหยุ่นกว่า

ระบบไฟฟ้าที่ใช้

  • แอร์บ้านใช้ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) 220 โวลต์  
  • แอร์โรงงานจะใช้ไฟฟ้า 3 เฟส (380 โวลต์) ซึ่งเป็นระบบไฟฟ้าที่จ่ายกำลังได้สูงกว่า

แอร์โรงงาน แอร์โรงงานอุตสาหกรรมมีกี่ประเภท อะไรบ้าง

1. ระบบรวมศูนย์ (Centralized System)

ระบบปรับอากาศแบบรวมศูนย์เป็นระบบที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เหมาะสำหรับอาคารหรือโรงงานขนาดใหญ่ ที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิในพื้นที่กว้างขวางหลายโซนพร้อมกัน ข้อดีของระบบนี้คือการควบคุมอุณหภูมิที่แม่นยำและสม่ำเสมอ มีเสียงรบกวนน้อยเนื่องจากตัวคอมเพรสเซอร์หลักอยู่ด้านนอก

2. ระบบแยกส่วน (Split System)

ระบบนี้เหมาะสำหรับโรงงานขนาดเล็กถึงกลาง ที่ต้องการทำความเย็นเฉพาะจุดหรือในบางพื้นที่ของโรงงาน การติดตั้งมีความยืดหยุ่นกว่าและค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเริ่มต้นต่ำกว่าระบบรวมศูนย์

3. ระบบทำน้ำเย็น (Chilled Water System)

ระบบนี้ใช้หลักการทำความเย็นโดยการปั๊มน้ำเย็น เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนความร้อนแทนสารทำความเย็นโดยตรง ข้อดีคือสามารถส่งน้ำเย็นไปได้ในระยะทางที่ไกลกว่าระบบท่อสารทำความเย็น และช่วยลดการใช้สารทำความเย็นที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

3. แอร์เคลื่อนที่ (Portable System)

เป็นทางเลือกที่สะดวกและยืดหยุ่นที่สุดสำหรับโรงงานที่ต้องการทำความเย็นเฉพาะจุด หรือใช้ในกรณีฉุกเฉิน ขนาดกะทัดรัด เคลื่อนย้ายง่าย ไม่จำเป็นต้องติดตั้งถาวร 

แอร์โรงงานแบบระบายความร้อนด้วยอากาศ VS แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ต่างกันอย่างไร

แอร์โรงงานแบบระบายความร้อนด้วยอากาศ (Air-Cooled)

ระบบนี้ใช้พัดลมขนาดใหญ่ดูดอากาศจากภายนอกเป่าผ่านแผงคอนเดนเซอร์ เพื่อระบายความร้อนออกจากสารทำความเย็น ทำให้สารทำความเย็นเปลี่ยนจากแก๊สเป็นของเหลว จากนั้นจึงส่งของเหลวนี้ไปยังคอยล์เย็น เพื่อทำความเย็นให้กับพื้นที่ภายใน ข้อดีคือค่าใช้จ่ายเริ่มต้นต่ำ บำรุงรักษาและติดตั้งง่าย ข้อเสียคือขนาดใหญ่และกินพื้นที่ เสียงดัง รวมไปถึงถ้าอากาศร้อนประสิทธิภาพการทำงานจะต่ำ

แอร์โรงงานแบบระบายความร้อนด้วยน้ำ (Chiller)

ระบบนี้ใช้หอระบายความร้อนหรือแหล่งน้ำอื่น ๆ เพื่อทำให้น้ำมีอุณหภูมิลดลง จากนั้นปั๊มจะส่งน้ำเย็นนี้ไปตามท่อเพื่อดูดซับความร้อนจากคอนเดนเซอร์ของระบบทำความเย็น เมื่อน้ำร้อนขึ้นก็จะไหลกลับไปยังหอระบายความร้อนเพื่อลดอุณหภูมิลงและนำกลับมาใช้ใหม่ ข้อดีคือประสิทธิภาพสูง ประหยัดพลังงาน ขนาดกะทัดรัด ข้อเสียคือค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูง บำรุงรักษายากกว่า และเปลืองน้ำ

แอร์โรงงานมีขนาด BTU เท่าไร และใช้แรงดันไฟเท่าไร

แอร์โรงงานอุตสาหกรรมมีขนาดกี่ BTU?

ปริมาณ BTU ของแอร์โรงงานเริ่มต้นที่ประมาณ 40,000 BTU และสามารถสูงขึ้นไปถึง หลักแสนหรือหลักล้าน BTU ได้ ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ ความสูงของเพดาน จำนวนเครื่องจักร และสภาพแวดล้อมโดยรวม

แอร์โรงงานอุตสาหกรรมใช้แรงดันไฟฟ้าเท่าไร?

แอร์โรงงานส่วนใหญ่ใช้ไฟฟ้า 3 เฟส (380 โวลต์) ซึ่งการใช้ไฟฟ้า 3 เฟสมีความจำเป็นสำหรับแอร์ที่มีขนาดใหญ่กว่า 30,000 BTU เพราะช่วยให้มอเตอร์และคอมเพรสเซอร์ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ใช้พลังงานน้อยลง และมีเสถียรภาพมากกว่า 

แนะนำแบรนด์แอร์โรงงานยอดนิยม

Daikin (ไดกิ้น)

  • ความเชี่ยวชาญ: ไดกิ้นเป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกด้านระบบปรับอากาศและโซลูชัน HVAC โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบขนาดใหญ่ เช่น VRV ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ Daikin พัฒนาขึ้นมาเป็นเจ้าแรก
  • จุดเด่น: เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน ทนทาน ระบบควบคุมแม่นยำ เหมาะกับอาคารขนาดใหญ่ โรงงาน ห้างสรรพสินค้า

Mitsubishi (มิตซูบิชิ)

  • ความเชี่ยวชาญ: มิตซูบิชิมีชื่อเสียงในด้านคุณภาพและความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม
  • จุดเด่น: มีเทคโนโลยีที่หลากหลาย ประสิทธิภาพสูง ประหยัดพลังงาน แข็งแรง เหมาะกับสภาพแวดล้อมที่ต้องทำงานหนัก

LG (แอลจี)

  • ความเชี่ยวชาญ: มีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมตั้งแต่แอร์ขนาดเล็กไปจนถึงระบบทำความเย็นขนาดใหญ่ เช่น ระบบ Multi V™ และระบบ Chiller
  • จุดเด่น: เน้นเทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง การออกแบบทันสมัย และการควบคุมผ่านระบบดิจิทัล

Panasonic (พานาโซนิค)

  • ความเชี่ยวชาญ: มีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมตั้งแต่แอร์บ้านไปจนถึงแอร์เชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่
  • จุดเด่น: เน้นเรื่องคุณภาพ ความทนทาน และการประหยัดพลังงาน รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยเรื่องคุณภาพอากาศ 

Samsung (ซัมซุง)

  • ความเชี่ยวชาญ: มีการขยายตลาดจากสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคมาสู่โซลูชัน HVAC สำหรับธุรกิจ
  • จุดเด่น: นำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้กับระบบปรับอากาศเชิงพาณิชย์ เน้นการออกแบบที่สวยงามและใช้งานง่าย

ตัวอย่างสิ่งที่ควรใช้ในการพิจารณาสำหรับการเลือกแอร์โรงงาน 

ขนาดพื้นที่

การเลือกขนาด BTU ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ ต้องคำนวณจากขนาดพื้นที่ และปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความสูงของเพดาน

ประสิทธิภาพการทำความเย็น

หากโรงงานมีกระบวนการผลิตที่ต้องควบคุมอุณหภูมิและความชื้นอย่างแม่นยำ ควรเลือกระบบที่สามารถควบคุมได้อย่างละเอียด เช่น ระบบ Chiller 

การประหยัดพลังงาน

การติดตั้งฉนวนที่หลังคาและผนังโรงงาน จะช่วยลดความร้อนจากภายนอกได้อย่างมาก ทำให้เครื่องปรับอากาศไม่ต้องทำงานหนักเกินไปและช่วยประหยัดค่าไฟในระยะยาว

งบประมาณและค่าใช้จ่าย

ต้องพิจารณาค่าไฟฟ้าและค่าน้ำในแต่ละเดือน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาในระยะยาวด้วย

การออกแบบ ติดตั้ง และบำรุงรักษา ระบบแอร์โรงงาน (HVAC)

สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม การออกแบบ ติดตั้ง และบำรุงรักษาระบบปรับอากาศ (HVAC) เป็นกระบวนการที่ซับซ้อน ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ โดยบริการเหล่านี้จะต้องครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนแรกไปจนถึงการดูแลหลังการขาย

บริการให้คำปรึกษาและออกแบบระบบ

ขั้นตอนแรกคือการเข้าไปสำรวจและประเมินหน้างานจริง ผู้เชี่ยวชาญจะพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เพื่อนำข้อมูลมาออกแบบระบบปรับอากาศที่เหมาะสมที่สุด 

บริการติดตั้งและวางระบบ

ทีมช่างผู้เชี่ยวชาญจะดำเนินการติดตั้งระบบตามแบบที่วางไว้ โดยการทำงานทั้งหมดจะทำโดยช่างผู้ชำนาญการและเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย 

บริการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน 

เป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยยืดอายุการใช้งานแอร์โรงงาน เช่น การทำความสะอาด การเติมสารทำความเย็น

บริการแก้ไขปัญหาและซ่อมแซม 

ในกรณีที่ระบบเกิดปัญหาฉุกเฉิน ผู้ให้บริการต้องพร้อมเข้าแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วเพื่อลดช่วงเวลาที่ระบบต้องหยุดชะงักนอกจากนี้ยังมีการจัดหาอะไหล่แท้เพื่อให้การซ่อมแซมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 

อุปกรณ์เฉพาะสำหรับแอร์โรงงานอุตสาหกรรม

Condensing Units 

หรือก็คือชุดคอยล์ร้อน เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ติดตั้งอยู่นอกอาคาร มีหน้าที่ระบายความร้อนออกจากระบบ 

AHU (Air Handling Unit)

เรียกอีกชื่อว่าเครื่องส่งลมเย็น เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในระบบปรับอากาศขนาดใหญ่ ทำหน้าที่รับน้ำเย็นหรือสารทำความเย็นมาทำให้มีอุณหภูมิลดลง

VRF (Variable Refrigerant Flow) System

เป็นระบบปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง โดยใช้คอยล์ร้อนเพียงตัวเดียวแต่สามารถเชื่อมต่อกับคอยล์เย็นได้หลายตัวในอาคารเดียวกัน

Chiller

เป็นเครื่องทำความเย็นขนาดใหญ่ที่ใช้น้ำเป็นตัวกลางในการถ่ายเทความร้อน

เลือกผู้เชี่ยวชาญแอร์โรงงาน เลือกใช้บริการ THAIAIRCOOL 

ใครที่กำลังมองหาระบบปรับอากาศที่เหมาะกับโรงงานอุตสาหกรรม การเลือกใช้แอร์โรงงานเป็นคำตอบที่ลงตัว เพราะเป็นระบบที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานหนักโดยเฉพาะ ที่ THAIAIRCOOL เราคือผู้เชี่ยวชาญด้านระบบ HVAC แบบครบวงจร พร้อมให้บริการตั้งแต่การให้คำปรึกษา ไปจนถึงการบำรุงรักษาอย่างมืออาชีพ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้ระบบปรับอากาศที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ประหยัดพลังงาน และคุ้มค่ากับการลงทุนในระยะยาว ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจของคุณ

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

แอร์โรงงานมีกี่ประเภท?

ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ ระบบรวมศูนย์สำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่, ระบบแยกส่วนที่เหมาะกับการทำความเย็นเฉพาะจุด, ระบบทำน้ำเย็นที่ใช้หลักการถ่ายเทความร้อนด้วยน้ำ, และแอร์เคลื่อนที่ที่มีความยืดหยุ่นสูงสำหรับใช้งานชั่วคราวหรือฉุกเฉิน

เลือกแอร์โรงงานแบบไหนดีให้เหมาะกับพื้นที่?

ต้องพิจารณาจากขนาดพื้นที่และแหล่งกำเนิดความร้อน หากพื้นที่กว้างและต้องการควบคุมอุณหภูมิหลายจุดควรเลือกระบบรวมศูนย์ หากต้องการทำความเย็นเฉพาะจุดในพื้นที่เล็ก ๆ ควรเลือกระบบแยกส่วน แต่ถ้าต้องการความยืดหยุ่นสูงสำหรับพื้นที่ที่มีการใช้งานไม่คงที่ แอร์เคลื่อนที่ก็เป็นทางเลือกที่ดี

แอร์โรงงานต่างจากแอร์บ้านอย่างไร?

แตกต่างในด้านกำลังการทำความเย็นที่สูงกว่ามาก มีโครงสร้างแข็งแรงทนทานกว่า และมีระบบควบคุมที่ซับซ้อนกว่า เพื่อรองรับการทำงานในสภาพแวดล้อมที่หนักหน่วง และสามารถควบคุมอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำในพื้นที่ขนาดใหญ่

ระบบแอร์ Chiller กับ Air-Cooled แบบไหนดีกว่า?

ขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านประสิทธิภาพและค่าใช้จ่าย ระบบ Chiller มีประสิทธิภาพสูงกว่าและประหยัดพลังงานในระยะยาว แต่มีค่าติดตั้งและบำรุงรักษาสูงกว่า ส่วนระบบ Air-Cooled มีค่าติดตั้งเริ่มต้นต่ำกว่าและบำรุงรักษาง่ายกว่า แต่ประสิทธิภาพจะลดลงเมื่ออุณหภูมิภายนอกสูงขึ้น

การคำนวณ BTU สำหรับแอร์โรงงานทำอย่างไร?

ต้องพิจารณาจากขนาดพื้นที่และปัจจัยอื่นอย่างละเอียด เช่น จำนวนคน เครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้า และแสงแดดที่ส่องถึง เพื่อให้ได้ค่า BTU ที่แม่นยำและเหมาะสมกับการใช้งานจริง ซึ่งการคำนวณที่ถูกต้องควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ

บทความแนะนํา