เปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟ เคล็ดลับง่าย ๆ ที่คนใช้แอร์ควรรู้

Table of Contents

เปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟเป็นคำถามยอดฮิต โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนที่ค่าไฟมักพุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลายคนอาจเข้าใจว่าแค่ตั้งอุณหภูมิสูงก็เพียงพอ แต่ในความจริงยังมีหลายปัจจัยที่ช่วยเปิดแอร์ให้ประหยัดได้มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการเลือกโหมดที่เหมาะสม การเปิดแอร์ร่วมกับพัดลม หรือแม้แต่การดูแลเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นวิธีเปิดแอร์ให้ประหยัดไฟที่สามารถทำได้จริง THAIAIRCOOL มีคำตอบครบทุกมุมมองของการเปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดอย่างยั่งยืน

วิธีเปิดแอร์ให้ประหยัดไฟ เคล็ดลับเรื่องแอร์ที่ควรรู้!

การเปิดแอร์ให้ประหยัดไฟไม่ใช่แค่การปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการใช้งานและการดูแลรักษาแอร์อย่างถูกวิธี หากต้องการลดค่าไฟในระยะยาวโดยไม่ลดความเย็นสบายในบ้าน เคล็ดลับที่ช่วยเปิดแอร์ประหยัดไฟ มีดังนี้

ตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสม

ควรตั้งอุณหภูมิแอร์ไว้ที่ประมาณ 25–27 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่เย็นพอเหมาะและช่วยลดภาระการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์

เปิดพัดลมช่วยกระจายความเย็น

การใช้พัดลมร่วมกับแอร์ช่วยให้อากาศไหลเวียนดีขึ้น รู้สึกเย็นไวโดยไม่ต้องลดอุณหภูมิแอร์ เป็นวิธีประหยัดแอร์ไปในตัว

เปิดแอร์เมื่อจำเป็นและปิดให้ตรงเวลา

ไม่ควรเปิดแอร์ทิ้งไว้ตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะเวลาที่ไม่ได้มีคนอยู่ในห้อง ควรใช้ฟังก์ชันการตั้งเวลาปิดใช้งานล่วงหน้า

ใช้โหมดประหยัดพลังงานหรือ Sleep Mode

โหมดการใช้งานแอร์เหล่านี้จะช่วยควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติให้ประหยัดไฟโดยไม่รู้สึกอึดอัด

ปิดม่านหรือป้องกันแสงแดดจากภายนอก

แดดที่ส่องเข้าห้องโดยตรงทำให้ห้องมีอุณหภูมิสูงขึ้น แอร์ทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้ใช้ไฟฟ้ามากขึ้น

ทำความสะอาดแผ่นกรองแอร์เป็นประจำ

ฝุ่นสะสมจำนวนมากในแผ่นกรองทำให้ลมไหลเวียนได้ไม่ดี ส่งผลให้แอร์ทำงานหนักขึ้น ควรล้างแผ่นกรองอย่างน้อยทุก 2–4 สัปดาห์

ตรวจเช็กแอร์ปีละครั้ง

ควรเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบหรือล้างทำความสะอาดแอร์อย่างละเอียดเพื่อให้แอร์ทำงานเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น

เคล็ดลับเปิดแอร์ยังไงให้ประหยัด

เปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟ เป็นคำถามที่หลายคนอยากรู้ เพราะค่าไฟจากการใช้แอร์ทุกรูปแบบถือเป็นต้นทุนหลักของบ้านในช่วงหน้าร้อน วิธีแรกที่ช่วยให้เปิดแอร์แบบประหยัดไฟได้คือการตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสม โดยควรเปิดที่ 25–27 องศาเซลเซียส ซึ่งเพียงพอสำหรับความเย็นสบายโดยไม่เปลืองพลังงานเกินจำเป็น อีกเทคนิคที่ได้ผลดีคือการเปิดพัดลมร่วมกับแอร์ เพราะจะช่วยกระจายความเย็นได้เร็วขึ้น ทำให้ไม่ต้องเร่งอุณหภูมิให้ต่ำลง นอกจากนี้ควรใช้โหมดประหยัดพลังงาน เช่น Eco Mode หรือ Sleep Mode โดยเฉพาะเวลากลางคืนร่วมด้วย เพื่อช่วยควบคุมการทำงานของแอร์ให้ใช้ไฟลดน้อยลง แต่ยังคงความเย็นอย่างต่อเนื่อง

การปิดประตูหน้าต่างให้สนิทก็มีผลต่อความเย็นภายในห้อง เพราะหากมีช่องลมรั่ว แอร์จะทำงานหนักขึ้นและเปลืองไฟมากขึ้นเช่นกัน เมื่อไม่ได้ใช้งานแอร์เป็นเวลานาน หรือช่วงเวลานอน ควรตั้งเวลาปิดแอร์ล่วงหน้า เพื่อลดการใช้พลังงานโดยไม่จำเป็น อีกจุดสำคัญที่หลายคนมองข้ามคือการทำความสะอาดแผ่นกรองแอร์เป็นประจำ เนื่องจากฝุ่นที่สะสมจะทำให้ลมไหลเวียนไม่ดี แอร์ทำงานหนักและกินไฟมากขึ้น รวมถึงการเลือก BTU แอร์ให้เหมาะสมกับขนาดของห้องก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณา แอร์ที่มีขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่เกินกว่าพื้นที่จะทำให้ประสิทธิภาพแอร์ลดลงและกินไฟโดยไม่จำเป็น

แนะนำโหมดสำคัญในแอร์ ที่ควรเลือกใช้งาน

โหมดการทำงานในเครื่องปรับอากาศไม่ได้มีไว้แค่ปรับอุณหภูมิเพียงเท่านั้น แต่ยังถูกออกแบบมาเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ สถานการณ์ และความต้องการของผู้ใช้งานในแต่ละช่วงเวลา หากเลือกใช้โหมดต่าง ๆ ของแอร์อย่างถูกต้อง จะช่วยเพิ่มความสบาย ประหยัดพลังงาน ลดค่าไฟฟ้า และยืดอายุการใช้งานของแอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Cool Mode (โหมดเย็น)

โหมดนี้เป็นโหมดแอร์พื้นฐานที่ใช้ในการทำความเย็น โดยผู้ใช้งานสามารถตั้งอุณหภูมิที่ต้องการได้เอง เหมาะสำหรับช่วงที่อากาศร้อนจัด ต้องการความเย็นอย่างรวดเร็ว

Dry Mode (โหมดลดความชื้น)

แอร์โหมด Dry เหมาะสำหรับวันที่ฝนตกหรืออากาศอบอ้าวแต่ไม่ร้อนจัด ช่วยลดระดับความชื้นในห้อง ทำให้รู้สึกเย็นสบายขึ้น และยังประหยัดไฟมากกว่าโหมด Cool

Fan Mode (โหมดพัดลม)

เป็นการเป่าลมธรรมดาโดยไม่เปิดระบบทำความเย็น ช่วยประหยัดพลังงาน เหมาะกับช่วงอากาศไม่ร้อนมาก หรือใช้ระบายอากาศภายในห้อง

Auto Mode (โหมดอัตโนมัติ)

แอร์ระบบนี้จะเลือกโหมดการทำงานให้อัตโนมัติตามอุณหภูมิภายในห้อง เช่น ถ้าห้องร้อนจะเปลี่ยนเป็น Cool หรือ Dry โดยไม่ต้องตั้งค่าเอง ใช้งานง่ายและสะดวก

Sleep Mode (โหมดกลางคืน)

เหมาะสำหรับเวลานอน เพราะแอร์จะค่อย ๆ ปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้นเล็กน้อยตามระยะเวลา ช่วยให้ไม่หนาวเกินไปตอนกลางคืนและช่วยประหยัดไฟมากขึ้น

Eco Mode / Energy Saving (โหมดประหยัดพลังงาน)

ช่วยควบคุมการทำงานของคอมเพรสเซอร์และพัดลมให้ใช้พลังงานน้อยที่สุด โดยยังคงให้ความเย็นอย่างเหมาะสม เหมาะสำหรับการเปิดใช้งานในช่วงที่ต้องการลดค่าไฟ

เลือกแอร์อย่างไรให้ประหยัดพลังงาน ฉบับ 2025

หากกำลังมองหาแอร์ใหม่ในปี 2025 คำถามที่ควรคิดไม่ใช่เพียงแค่รุ่นไหนเย็นเร็วหรือราคาคุ้มค่า แต่ควรศึกษาว่าเปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟได้จริง เพราะการประหยัดพลังงานเริ่มต้นตั้งแต่การเลือกเครื่องที่เหมาะสมไปจนถึงขั้นตอนการใช้งานจริง แอร์ที่ดีและประหยัดควรตอบโจทย์ทั้งด้านการใช้งาน ประสิทธิภาพการทำความเย็น และความคุ้มค่าด้านพลังงานในระยะยาว

1.เลือก BTU ให้เหมาะสมกับขนาดห้อง

การเลือก BTU แอร์ให้เหมาะสมกับขนาดห้องเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ หากเลือกแอร์ BTU น้อยเกินไป เครื่องจะทำงานหนักและกินไฟมาก ถ้าเลือก BTU มากเกินไปส่งผลให้เปลืองไฟโดยใช่เหตุ ควรคำนวณตามพื้นที่ห้องเพื่อให้แอร์ทำงานได้พอดี

2.ตรวจสอบฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่ 

ในปี 2025 ให้เลือกซื้อแอร์มีฉลากเบอร์ 5 ที่ระบุจำนวนดาว ยิ่งมีดาวมาก ยิ่งแสดงว่าเครื่องใช้พลังงานน้อยแต่ให้ความเย็นคงที่

3.เลือกระบบ Inverter ช่วยประหยัดไฟขณะเปิดแอร์

แอร์ Inverter ช่วยให้คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานคงที่ ไม่เร่งการทำงานหรือตัดบ่อย จึงประหยัดไฟและเย็นสม่ำเสมอ ตอบโจทย์การเปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟอย่างแท้จริง

4.ตรวจสอบค่า SEER หรือ EER ของเครื่อง

ค่า SEER (Seasonal Energy Efficiency Ratio) ยิ่งสูง แสดงว่าแอร์ยิ่งมีประสิทธิภาพในการประหยัดไฟ แนะนำให้เลือกแอร์ที่มีค่า SEER 15 ขึ้นไป

5.เลือกแอร์ที่มีฟังก์ชันช่วยลดการใช้พลังงาน

เช่น Eco Mode, Sleep Mode หรือระบบอัตโนมัติที่ปรับอุณหภูมิตามสภาพห้อง ช่วยควบคุมการเปิดแอร์ให้ประหยัดพลังงานได้อย่างเหมาะสม

6.พิจารณาระบบฟอกอากาศในตัวเครื่อง

รุ่นที่มีระบบกรองฝุ่น PM2.5 หรือ UV ช่วยให้เปิดแอร์และฟอกอากาศไปพร้อมกัน ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและอุปกรณ์แยกต่างหาก

7.เลือกแบรนด์ที่มีบริการหลังการขายและอะไหล่พร้อม

การดูแลแอร์ให้ทำงานเต็มประสิทธิภาพตลอดเวลาช่วยให้ประหยัดพลังงานได้จริง เพราะแอร์ที่สะอาดและมีระบบทำงานสมบูรณ์มักกินไฟน้อยกว่าเแอร์ที่เสื่อมสภาพ

ตั้งเวลาเปิดปิดแอร์ช่วยประหยัดค่าไฟได้

การตั้งเวลาเปิดปิดแอร์ถือเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยปรับแอร์ให้ประหยัดไฟได้อย่างเห็นผล โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืนหรือช่วงที่ไม่ได้อยู่บ้าน การตั้งเวลาเปิดล่วงหน้าจะช่วยให้ห้องเย็นทันใช้งานโดยไม่ต้องเร่งอุณหภูมิต่ำเกินไป ซึ่งจะช่วยลดภาระของคอมเพรสเซอร์ ส่วนการตั้งเวลาปิดจะช่วยตัดการทำงานของแอร์เมื่อไม่จำเป็น เช่น ตอนหลับลึก หรือออกจากบ้านไปแล้วแต่ลืมปิดแอร์ ระบบตั้งเวลาเหล่านี้ช่วยให้แอร์ทำงานสั้นลงและลดการใช้พลังงานสิ้นเปลือง

แอร์บางรุ่นในปี 2025 ยังมาพร้อมกับระบบตั้งเวลาผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ ที่จะช่วยให้สามารถควบคุมการเปิดปิดจากระยะไกลได้ถึงแม้จะไม่อยู่บ้าน เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน และช่วยประหยัดพลังงานมากขึ้น เพราะสามารถกำหนดช่วงเวลาแอร์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตได้อย่างแม่นยำ 

ดูแลรักษาเครื่องปรับอากาศอย่างไรให้ช่วยประหยัดพลังงาน

การดูแลรักษาเครื่องปรับอากาศไม่ใช่แค่เรื่องของความสะอาดหรือยืดอายุการใช้งานเท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อการประหยัดพลังงานด้วย หลายคนพยายามเปิดแอร์อุณหภูมิสูงเพื่อประหยัดไฟ แต่ลืมไปว่าหากแอร์ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ แม้จะตั้งอุณหภูมิอย่างประหยัดก็ยังเปลืองไฟอยู่เช่นเคย เพราะฉะนั้น หากอยากเปิดแอร์แล้วประหยัดจริง ควรเริ่มจากการดูแลแอร์ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ

ล้างแผ่นกรองอากาศเป็นประจำ

ฝุ่นที่อุดตันในแผ่นกรองจะทำให้ลมผ่านได้น้อยลง แอร์ต้องทำงานหนักขึ้น กินไฟมากขึ้น ควรล้างอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง

ตรวจเช็กระบบทำความเย็นปีละ 1–2 ครั้ง

น้ำยาแอร์ที่ลดลงหรือคอยล์เย็นสกปรกจะทำให้แอร์ทำความเย็นช้าลง แนะนำให้ช่างมืออาชีพมาตรวจสภาพระบบและเติมน้ำยาแอร์ตามความจำเป็น

ไม่ควรปิดช่องระบายอากาศหรือวางของขวางทิศทางลม

ช่องลมที่ไม่โล่ง มีสิ่งของกีดขวางจะลดประสิทธิภาพการไหลเวียนของอากาศ แอร์เย็นไม่ทั่วถึง ทำให้ต้องตั้งอุณหภูมิต่ำลง ส่งผลให้เปลืองไฟมากขึ้น

หมั่นดูแลคอยล์ร้อนภายนอกให้สะอาด

คอยล์ร้อนคือจุดระบายความร้อนของแอร์ หากมีฝุ่นหรือเศษใบไม้เกาะ จะทำให้ระบายความร้อนได้ไม่ดี เครื่องทำงานหนักและสิ้นเปลืองพลังงาน

ตรวจสอบฉนวนหุ้มท่อแอร์ไม่ให้ชำรุด

ท่อแอร์ที่มีฉนวนหุ้มเสื่อมสภาพจะทำให้เกิดการสูญเสียความเย็น แอร์ต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ค่าไฟสูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน

ตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสม 25 องศาขึ้นไป

หากถามว่าเปิดแอร์กี่องศาประหยัดไฟ คำตอบที่ดีที่สุดคือประมาณ 25–27 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นช่วงอุณหภูมิที่เครื่องทำงานสบาย เย็นพอดี และประหยัดไฟมากที่สุด

เปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟเป็นคำถามที่ผู้ใช้งานแอร์หลายคนอยากรู้ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนที่ค่าไฟพุ่งสูงขึ้น การตั้งอุณหภูมิแอร์ให้เหมาะสมที่ประมาณ 25–27 องศาเซลเซียส การเปิดพัดลมร่วมด้วย และการใช้โหมดประหยัดพลังงานจะช่วยลดภาระการทำงานของแอร์ได้อย่างมาก นอกจากนี้การดูแลแอร์ให้สะอาดและเลือกแอร์ให้เหมาะกับขนาดห้องก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ประหยัดไฟได้จริงในระยะยาว

คำถามที่เกี่ยวข้องกับ เปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟ

เปิดแอร์พร้อมพัดลมช่วยลดค่าไฟได้จริงไหม

การเปิดแอร์พร้อมพัดลมช่วยลดค่าไฟได้จริง เพราะพัดลมช่วยกระจายความเย็นให้ทั่วห้องเร็วขึ้น ทำให้ไม่ต้องตั้งอุณหภูมิแอร์ต่ำ แอร์จึงทำงานน้อยลงและใช้พลังงานน้อย ช่วยประหยัดไฟได้โดยไม่ลดความเย็นสบาย

วิธีใช้แอร์แบบไม่ให้ค่าไฟพุ่ง

การใช้แอร์แบบไม่ให้ค่าไฟพุ่งควรเริ่มจากการตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสม เช่น 25–27 องศาเซลเซียส ร่วมกับการเปิดพัดลมเพื่อกระจายความเย็น การเปิดแอร์กี่ชั่วโมง ประหยัดไฟนั้นขึ้นอยู่กับขนาดห้องและอุณหภูมิภายนอก โดยทั่วไปควรตั้งเวลาเปิดปิดให้เหมาะสม หมั่นดูแลแอร์ให้สะอาดและมีประสิทธิภาพอยู่เสมอ

ต้องการตั้งเวลาเปิด/ปิดแอร์อัตโนมัติเพื่อควบคุมพลังงาน

การตั้งเวลาเปิด/ปิดแอร์อัตโนมัติช่วยควบคุมพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถกำหนดช่วงเวลาแอร์ให้ทำงานตรงกับพฤติกรรมการใช้งานจริง เช่น เปิดล่วงหน้าก่อนถึงบ้าน หรือปิดแอร์ในช่วงดึกเมื่ออากาศเย็นเพิ่มขึ้น วิธีนี้ช่วยลดภาระการทำงานของแอร์และหลีกเลี่ยงการเปิดแอร์ทิ้งไว้โดยไม่จำเป็น ส่งผลให้ค่าไฟลดลงอย่างชัดเจน

อยากรู้ว่าควรเปิดแอร์กี่องศาให้เย็นพอดีและไม่กินไฟ

ควรเปิดแอร์ที่อุณหภูมิช่วง 25-27 องศาเซลเซียส

แอร์ฉลากเบอร์5 ประหยัดพลังงานจริงไหม

แอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ประหยัดพลังงานได้จริง เพราะผ่านเกณฑ์ตรวจสอบประสิทธิภาพการใช้พลังงานจากการทดสอบมาตรฐาน โดยเฉพาะฉลากเบอร์ 5 รุ่นใหม่ที่มีการระบุจำนวนดาว ยิ่งดาวมากแสดงว่าใช้ไฟน้อยลงในขณะที่ให้ความเย็นได้ดีเท่าเดิม ทำให้ผู้ใช้งานลดค่าไฟได้ในระยะยาว

บทความแนะนํา